ทัพเรือภาค3 เตรียมเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำเข้าฝั่ง เอาผิดต่างชาติลุกล้ำอธิปไตย

โพสเมื่อ : Thursday, April 18th, 2019 : 12.00 am

ทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานใน ศรชล เขต 3 เตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำในทะเลเข้าฝั่งเร็วๆนี้ ระบุเป็นวัถตุพยานชิ้นสำคัญที่จะเอาผิดชาวต่างชาติ ลุกล้ำอธิปไตยของไทย

วันนี้ (17 เม.ย.) ที่กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พลเรือโทสิทธิพร มาศเกษม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล เขต 3 ) พร้อมด้วย นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายวิวัธน์ ชิดเชิดวงศ์ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต และตัวแทนตำรวจน้ำภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีกับชาวต่างชาติและภรรยาคนไทย ที่ได้นำสิ่งก่อสร้างเทียมที่มีลักษณะคล้ายที่พักอาศัย ไปติดตั้งไว้ในทะเลใกล้ๆ กับเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะราชาใหญ่ 21 ไมล์ทะเล โดยมีการโฆษณาชักชวนผ่านทางเว็ปไชด์ของโอเรียนบิลเดอร์ ของกลุ่ม Seasteading เชิญชวนกลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดในการก่อตั้งรัฐอิสระ หรือ ปกครองตนเอง มาซื้อสิ่งก่อสร้างเทียมดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา

ภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานใน ศร.ชล เขต 3 ถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีการเอาผิดกับชาวต่างชาติและภรรยาคนไทยรายดังกล่าว พลเรือโทสิทธิพร กล่าวว่า จากกรณีที่คนต่างชาติและภรรยาคนไทย ได้นำสิ่งปลูกสร้างเทียมมาติดตั้งในทะเลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ประมาณ 12 ไมล์ทะเล ทางทัพเรือภาคที 3 และหน่วยงานใน ศรชล เขต 3 ได้ดำเนินการตรวจสอบในจุดที่มีการติดตั้งสิ่งปลูกสร้างเทียม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้แจ้งความดำเนินคดีกับคนต่างชาติและภรรยาคนไทยไปแล้ว ที่ สภ.วิชิต โดยตั้งข้อหากล่าวโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ซึ่งสิ่งก่อสร้างเทียมดังกล่าวทำให้เอกราชของประเทศไทยเสื่อมเสีย เป็นการละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งมีเอกสารหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้ จากการโฆษณาชักชวนผ่านทางโซเชียลให้บุคคลอื่นมาอยู่อาศัย ถือว่าเป็นการรบกวนอธิปไตยของไทยและมีผลต่อความมั่นคง

ผอ.ศรชล เขต 3 ระบุต่อว่า สำหรับสิ่งก่อสร้างเทียมที่อยู่ในทะเลเขตต่อเนื่องนั้น จากการหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ใน ศรชล.เขต 3 รวมไปถึงทางจังหวัดภูเก็ต ได้มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างเทียมมายังชายฝั่ง เนื่องจากสิ่งก่อสร้างเทียมชิ้นดังกล่าวเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนต่างชาติและภรรยาคนไทย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆนี้ รวมถึงหากปล่อยไว้ในทะเล จะกระทบต่อการเดินเรือ ทั้งเรือประมง เรือท่องเที่ยว และเรือสินค้าอีกด้วย

ขณะที่ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่า ชาวต่างชาติคนที่เข้ามาดำเนินการสิ่งก่อสร้างเทียมในทะเลต่อเนื่องของไทยนั้น เป็นคนสัญชาติอเมริกัน และภรรยาเป็นคนไทย เป็นคนมาจากต่างจังหวัด ไม่ใช่คนภูเก็ต โดยเข้าเมืองมาเมื่อเดือน พ.ย.2561 มีบ้านพักอยู่ที่ตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และก่อนหน้านี้เคยคิดที่จะดำเนินการประกาศเป็นรัฐอิสระ ปกครองตนเอง ในต่างประเทศมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศนั้น จึงได้ถอนตัวและมีดำเนินการในทะเลใกล้ๆเกาะภูเก็ตในขณะนี้ โดยใช้ช่องว่างของกฎหมายในการดำเนินการในทะเลต่อเนื่องของไทยที่ภูเก็ต และจากการสืบสวนยังทราบอีกว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ทำธุรกิจบิทคอยน์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้าการตรจสอบในด้านอื่นๆนั้น ขณนี้ทาง ตม.ได้มีการถอนวีซ่าของชาวต่างชาติรายดังกล่าวไปแล้ว ขึ้นแบล็กลิตส์ไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ตลอดชีวิต รวมไปถึงการตรวจสอบในเรื่องของความสัมพันธ์กับคนไทยในการว่าจ้างก่อสร้างสิ่งก่อสร้างเทียมว่าโรงงานดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือไม่ มีการจดทะเบียนพาณิชย์หรือไม่เพราะมีการโฆษณาชักชวนให้ซื้อสิ่งก่อสร้างเทียมดังกล่าว ตลอดจนกฎหมายศุลากรในการขนสินค้าในเขตทะเลต่อเนื่อง