ต้องเฝ้าระวังต่อ ภูเก็ตฝนตกแล้ว แต่ยังไม่พ้นวิกฤติภัยแล้ง

โพสเมื่อ : Tuesday, April 30th, 2019 : 4.44 pm

ภูเก็ตฝนตกในพื้นที่แล้ว แม้ไม่ช่วยให้พ้นวิกฤติภัยแล้ง แต่เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างได้บ้าง ร่นระยะเวลาการใช้น้ำไปได้อีกเล็กน้อย  แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อ
นายสมสวัสดิ์ ฉายสินสอน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จากกรณีมีฝนตกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตบ้างแล้ง หลังจากก่อนหน้านี้ฝนทิ้งช่วงมานานจนทำให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอ่างเก็บน้ำต่างๆลดลงเกือบหมดอ่าง โดยปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำบางวาด มีปริมาณ 1.05 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 10.3% ของความจุ, อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ มีปริมาณน้ำ 0.9 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 12.5%  ของความจุ และ อ่างเก็บน้ำคลองกระทะ มีปริมาณน้ำ 1.1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 25% ของความจุ
และจากปริมาณฝนที่ตกลงมาวันแรกคือวันที่ 27 เเมษายน พบว่ามีฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยสถานีวัดน้ำฝนบริเวณอ่างเก็บน้ำบางวาด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุด 137.5  มิลลิเมตร อ่างเก็บน้ำคลองกระทะ ประมาณ 103 มิลลิเมตร และ อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ประมาณ 50 มิลลิเมตร ทำให้ปริมาณน้ำในส่วนของอ่างเก็บน้ำบางวาด มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจากน้ำที่ไหลลงอ่างประมาณ 40,000 ลูกบาศก์เมตร และ มีการสูบเติมได้อีกประมาณ 60,000 ลูกบาศก์ เมตร ส่วนอ่างอื่นๆก็มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าในพื้นที่จะมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ก็ยังไม่พ้นวิกฤติภัยแล้ง เนื่องจากที่ผ่านมามีการใช้น้ำในอ่างไปแล้วจำนวนมากต้นทุนน้ำมีเหลือน้อย จึงต้องมีการวางแผนในการบริหารจัดการการใช้น้ำกันต่อไป เพื่อไม่ให้ประสบปัญหาไปมากกว่านี้ เพราะขณะนี้สถานการณ์ขาดแคลนน้ำยังน่าเป็นห่วง
นายสมสวัสดิ์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการใช้น้ำของภูเก็ต  จากข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี ที่ผ่านมา พบว่ามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น พิจารณาเฉพาะการให้บริการของกรมชลประทาน ในอ่างเก็บน้ำบางวาดในปี ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยใช้น้ำประมาณ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร  เมื่อเทียบกับปี 2559 และ 2560 ซึ่งใช้น้ำไปประมาณ 13 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำเพิ่มขึ้น ประมาณ 20%  จากประมาณ 6 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนการนำน้ำจากขุมน้ำเอกชนมาใช้นั้น นายสมสวัสดิ์ กล่าวว่า ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มอบหมายให้นายอำเภอและผู้นำท้องถิ่นแต่ละแห่งไปประสานกับทางเจ้าของขุมน้ำ เพื่อทำข้อตกลงและนำน้ำมาใช้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วนกรณีน้ำในอ่างเก็บน้ำไม่เพียงพอ
จึงต้องพิจารณาหาน้ำจากขุมน้ำต่างๆ มาใช้ โดยการขอซื้อน้ำจากเอกชนนั้นควรจะมีการทำแผนตลอดปี เนื่องจากหากน้ำในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอในช่วงหน้าแล้งก็จะไม่มีปัญหาเหมือนปัจจุบัน ซึ่งต้องคุยกับหน่วยเกี่ยวข้องว่า ในปีนี้หรือปีต่อไปจะมีการนำน้ำจากเอกชนมาใช้ในยามปกติอย่างไร ส่วนแผนการบริหารจัดการน้ำทั้ง 3 อ่างเก็บน้ำก็ต้องบริหารเพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุดในปีนี้และปีถัดไป