ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังทุกหน่วยทั้งตำรวจภูธร ตำรวจด่านตรวจคนเข้า บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนยึดของกลางเงินสดกว่า 13 ล้านบาท

โพสเมื่อ : Wednesday, July 18th, 2018 : 7.51 pm

ตำรวจท่องเที่ยว สนธิกำลังทุกหน่วยทั้งตำรวจภูธร ตำรวจด่านตรวจคนเข้า บุกทลาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่ใช้ภูเก็ตเป็นฐานปฏิบัติการ หลอกลวงชาวจีนด้วยกัน จับ 25 ผู้ต้องหา ยึดของกลางเงินสดกว่า 13ล้านบาท

ตามนโยบายพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งขาติ ซึ่งได้จัดตั้ง ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์ และ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ. เมืองจี้หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถึงขนาดที่ผู้เสียหายฆ่าตัวตาย

ทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มอบหมาย ให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวหัวหน้าชุดปฎิบัติการประจำศูนย์ ฯ ลงพื้นที่ปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฎิบัติการหลอกลองชาวจีนด้วยกัน

จากการสืบสวนทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติการตั้งอยู่ใจกลางเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีคนจีนหลายรายเป็นพนักงานโทรศัพท์ และ มีคนจีนด้วยกันเป็นหัวหน้าควบคุมสั่งการ ที่สำคัญมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ล่าสุดในวันนี้เวลาประมาณ 15:00 น. พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หัวหน้าชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธร สภ.ป่าตอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต นำกำลังพลจำนวนสิ้น 80 นาย นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้น รวม 6 จุด

ประกอบด้วย จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 168/32 ถ.ผังเมืองสาย ก. ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 2.บ้านเลขที่ 5/6 ถ.สิริราชย์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 5/7 ถ.สิริราชย์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 4 บ้านเลขที่ 77/2 ถ.ผังเมืองสาย ก ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 5 อาร์ต คอนโด ถนนผังเมืองสายก. และ จุดที่ 6 โรงแรมบียอน ป่าตอง จ.ภูเก็ต

จากการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 25 คน ประกอบด้วย คนจีนจำนวน 22 คน ชาวพม่าจำนวน 1 คน และ คนไทย จำนวน 2 คน พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวนมาก ทั้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ150 เครื่อง เครื่องนับเงิน 1 เครื่อง บัตรเครดิต จำนวน 135 ใบ บัตรเอทีเอ็ม ซิมโทรศัพท์ เงินไทยจำนวน กว่า 13 ล้านบาท เงินหยวน จำนวน 3,800 หยวน รถเบนซ์ ป้ายแดงจำนวน 1 คัน

รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางการไทยได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากทางการจีน ให้ติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐาน ในการหลอกลวงคนจีนด้วยกัน โดยมีคนจีนที่ได้รับความเสียหาย ตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหาย รวมกันไม่กว่า 150 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังร่วมกันในการติดตรมจับกุม โดยวันนี้ลงพร้อมกันทั้งในพื้นที่กรุงเทพ พัทยา และ จ.ภูเก็ต รวมทั้งหมด 17 จุด รวมจับผู้ต้องหากว่า 40 คน

อย่างไรก็ตามในการจับกุม พบว่ามีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องและเป็นนอมินีด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมและดำเนินคดีไปแล้ว และถือว่าเป็น เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่มีการก่อสร้างโรงแรมโดยไม่ได้ใบอนุญาต และเป็นนอมินี ให้กับคนจีนในพื้นที่พัทยา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ 

สำหรับการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในไทยให้เสร็จสิ้นก่อนจะส่งตัวกลับไปดำเนินคดีต่อในประเทศจีน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวเป็นแก๊งคอนเซ็นเตอร์ที่เข้ามาตั้งฐานในประเทศไทยและหลอกลวงคนจีนด้วยกัน คาดว่าแก๊งนี้น่าจะเป็นแก๊งสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการกวาดล้างจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มนี้ไม่กล้าที่จะเข้ามาตั้งฐานในประเทศไทย

ทั้งนี้จากการดำเนินการปราบปรามการเข้มข้น ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เข้ามาตั้งฐานในบ้านเราไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งเป็นรายใหญ่ เช่น ก่อนหน้านี้เคยจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ไปแล้ว 1 ครั้ง มาเลเซีย 1 ครั้ง ชาวไต้หวัน 1 ครั้ง และ ครั้งนี้มีการจับกุมชาวจีนอีกหนึ่ง 1 ครั้ง