ตร.น้ำภูเก็ตยึดเครื่องยนต์เรือ เกียร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าลับลอบหนีภาษีมูลค่ากว่า 10 ล.

โพสเมื่อ : Monday, May 16th, 2016 : 4.17 pm

ตร.น้ำภูเก็ตรวบหนุ่มภูเก็ตพร้อม เครื่องยนต์ เกียร์เรือ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 44 ชิ้น มูลค่า กว่า 10 ล้านบาท หลังติดตามสืบสวนมานานกว่า 2 เดือน พบพฤติกรรม ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศโดยไม่เสียภาษี ใช้วิธีการนำเรือเก่าจากต่างประเทศเข้ามาจอดที่ภูเก็ตก่อนจะแจ้งเรือเสียและปล่อยให้เรือจม โดยลักลอบนำเครื่องยนต์อุปกรณ์ต่างออกก่อน
IMG_1415

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (16พ.ค.) ที่บริเวณแพปลาแห่งหนึ่งปากทางเข้าท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผกก.8 บก.รน. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สว.สว.ส.รน.3 กก.8 บก.รน พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ พฤกษธาราธิกูล สว.ปราบปรามทางน้ำ กก.8 บก.รน. นายก่อจรูญ แก้วยวน นักวิชาการศุลกากรชำนาญการด่านศุลกากรภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันตรวจสอบอุปกรณ์การเดินเรือที่เชื่อว่าอาจจะมีการลักลอบนำเข้าโดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ประกอบด้วย เครื่องยนต์เรือยี่ห้อคัมมินส์ รุ่น K 500 ไม่ทราบหมายเลขเครื่องยนต์ จำนวน 9 เครื่อง เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ยี่ห้อ SAMBO ไม่ทราบหมายเลขเครื่อง จำนวน 22 เครื่อง และเกียร์เรือยี่ห้อ ZD 300 จำนวน 13 ตัว รวม 44 รายการ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งแต่ละเครื่องไม่พบหมายเลขเครื่อง เนื่องจากมีการลบ จึงทำการตรวจยึดไว้ นำส่งด่านศุลกากรภูเก็ตดำเนินคดีต่อไป

73684
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ นำโดย พ.ต.ท.ปัญญา ชัยชนะ สว.สว.ส.รน.3 กก.8 บก.รน และเจ้าหน้าที่ตำรวจตำรวจภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายลับว่า ได้มีเครื่องยนต์ เกียร์เรือ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวนมากหลบหนีภาษีศุลกากรมาวางไว้ที่บริเวณแพปลาดังกล่าว จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบพบเครื่องยนต์ เกียร์เรือ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสภาพใช้แล้ววางกองอยู่บนพื้น และพบ นายชาญวิทย์ ปิยะปานันท์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/367 ม.7 ถ.ศรีสุทัศน์ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับว่าเป็นเจ้าของและเป็นผู้นำตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ขอตรวจสอบเอกสารการได้มาของเครื่องยนต์ เกียร์เรือ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่นายชาญวิทย์ รับว่า ไม่มีเอกสาร จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ ห้องสืบสวนตำรวจน้ำภูเก็ต

73686
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รอง.ผกก.8 บก.รน. กล่าวว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ทางตำรวจน้ำภูเก็ตได้ติดตามมาประมาณ 2 เดือนเศษ โดยได้ทั้งผู้ที่รับเป็นเจ้าของและของกลาง สำหรับขบวนการการลักลอบ จะมีการนำเรือต่างประเทศเข้ามาแล้วจะใช้วิธีอำพรางโดยแจ้งเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องว่าเรือเสีย ไม่สามารถออกทะเลได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบก็จะแจ้งว่าเรือจม แต่ก่อนที่เรือจมก็จะนำอุปกรณ์เครื่องเรือขึ้นมาไว้บนบกก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะลงไปตรวจสอบได้ว่าเรือที่จมมีเครื่องยนต์ครบหรือใหม่ เพราะจุดที่เรือจมส่วนใหญ่จะแจ้งจุดที่มีน้ำลึก

73687
หลังจากได้เครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆมาก็ก็จะเก็บไว้โดยเช่าที่เอกชน หลังจากนั้นจะทยอยส่งเข้ากรุงเทพ เพื่อทำเครื่องยนต์ใหม่ และขายให้กับเรือต่างๆดดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร เพราะปกติเครื่องเรือเหล่านี้จะต้องเสียภาษีจากการนำเครื่องยนต์มาจากต่างประเทศ ซึ่งอุปกรณ์เรือชุดนี้ทั้งหมดเป็นของเรือปลาทูน่า

IMG_1397
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ครอบครอง มีความผิดตาม มาตรา 27 ทวิ ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับ จำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่า เป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษีหรือของต้องจำกัด หรือของ ต้องห้ามหรือที่นำเข้าในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องก็ดี หรือเป็นที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อจำกัด หรือ ข้อห้ามอันเกี่ยวแก่ของนั้นก็ดี ซึ่งมีโทษปรับ 4 เท่าของราคาสินค้า รวมค่าอากรหรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

1463387057787.jpg