ตรุษจีนปีนี้เงินสะพัด 5.04 หมื่นล้าน โต 5.7% ต่ำกว่าปีก่อน เหตุคนไม่กล้าใช้จ่ายเพราะของแพง เศรษฐกิจไม่ดี

โพสเมื่อ : Thursday, February 12th, 2015 : 2.33 pm

โพลคาดตรุษจีนปีนี้เงินสะพัด 5.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% โตต่ำกว่าปีก่อน เหตุคนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยหลังกังวลเศรษฐกิจไม่ค่อยดี และราคาสินค้าแพงขึ้น แนะรัฐบาลเร่งเบิกจ่าย ดูแลค่าเงินเพื่อกระตุ้นส่งออกและท่องเที่ยว เผยส้ม กล้วยหอมราคาพุ่ง ส่วนหมู ไก่ เป็ด ราคาเพิ่มไม่มาก

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีนจากกลุ่มตัวอย่าง 1,282 ราย ว่า ปีนี้ค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ที่ 5.04 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.71% ซึ่งมูลค่าถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่สำรวจมา แต่การขยายตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีที่แล้วที่โต 5.9% เนื่องจากผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ถ้าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจดี ตรุษจีนปีนี้น่าจะขยายตัวได้สูงถึง 7-10%

สำหรับการวางแผนการใช้จ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนใหญ่เป็นการซื้อของไหว้เจ้า ทำบุญ ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค แจกแต๊ะเอีย เลี้ยงสังสรรค์ โดยบรรยากาศการจับจ่ายจะคึกคักเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดซบเซา เนื่องจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ยกเว้นภาคใต้ที่แม้ราคายางจะลดลงมาก แต่หลายจังหวัดมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับตรุษจีนจึงทำให้บรรยากาศไม่ซบเซามากนัก

“การใช้จ่ายปีนี้ส่วนใหญ่ตอบว่าลดลง เพราะมองว่าเศรษฐกิจไม่ดีเลยลดการใช้จ่ายไปด้วย ที่สำคัญราคาสินค้าแพงขึ้นเลยซื้อของได้น้อยลง” นายธนวรรธน์กล่าว

ส่วนการวางแผนไปเที่ยวปีนี้ก็ไม่คึกคัก เพราะวันเป็นธรรมดา ไม่ใช่วันหยุด โดยผลสำรวจพบว่า 86.8% ยังไม่มีการวางแผนไปเที่ยว มีเพียง 13.2% เท่านั้นที่วางแผนไปเที่ยว โดยส่วนใหญ่จะเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ ตาก แพร่ เชียงราย และภาคกลาง เช่น ชลบุรี ระยอง สระบุรี และกาญจนบุรี ส่วนต่างประเทศจะเที่ยวในเอเชีย เช่น ฮ่องกง จีน มาเลเซีย เกาหลี สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และพม่า

นายธนวรรธน์กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนมีความกังวลก็คือภาวะเศรษฐกิจ เพราะเครื่องจักรในการขับเคลื่อนอย่างการส่งออกไม่โดดเด่น เนื่องจากมีปัญหาค่าเงินบาทอ่อนตัวน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียที่ค่าเงินอ่อนค่าลง 9% สิงคโปร์ 7% อินโดนีเซีย 5-6% และจีน 3% แต่ไทยทรงตัวเท่ากับปีก่อน และยังมีปัญหาถูกสหภาพยุโรป (อียู) ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP)

“รัฐบาลต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ออกมาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และบริหารจัดการค่าเงินให้อยู่ภายใต้กรอบ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพื่อเอื้อต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวอยู่ที่ 2-2.5% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3-3.5% ส่วนภาพรวมทั้งปีนี้ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตต่ำกว่าที่คาดไว้ 3-3.5% ได้” นายธนวรรธน์กล่าว

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนสินค้าที่ปรับราคาแบบก้าวกระโดดจะมี 2 ชนิด คือ ส้ม และกล้วยหอม โดยราคากล้วยหอมขายกันหวีละ 100 บาท จากปกติขายอยู่ที่หวีละ 40-60 บาท ส้มมีราคาตั้งแต่ 50-60 บาทต่อกิโลกรัม ไปจนถึง 100 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนสินค้าอื่นๆ ราคายังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปกติไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็ด เนื้อหมู และผักต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ถูกลง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งลดลง