ดีเอสไอ.บุกทลายโกดังเก็บสินค้าปลอมรายใหญ่ภาคใต้ ยึดเสื้อผ้าได้กว่าแสนชิ้น มูลค่า 50 ล้าน

โพสเมื่อ : Monday, April 18th, 2022 : 4.56 pm

 

กรมสอบสวนคดีพิเศษ บุกทลายโกดังเก็บสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า รายใหญ่ในภาคใต้  4 จุด ในพื้นที่กะทู้ และเมืองภูเก็ต ยึดของกลางเสื้อผ้าได้กว่า 1 แสนชิ้น ความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

 

 

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ ( 18 เม.ย.) ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันคัดแยกสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า ที่ถูกจับมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย.65 ที่ผ่านมา โดยนายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา นางสาวจารุวรรณ ครุสาตะ ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 1 และกำลังเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าทำการตรวจค้นสถานที่เก็บสินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย

 

 

จุดที่ 1.โกดัง ไม่มีเลขที่ ในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 2. บ้านเลขที่ 112 และ 112/1 ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จุดที่ 3.บ้านเลขที่ 35/192 ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต และจุดที่ 4.บ้านเลขที่ 35/168 ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยพบสินค้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อดัง เช่น หลุยส์วิตตอง (LOUIS VUITTON) กุชชี่ (GUCCI) ไนกี้ (NIKE) อาดิดาส (ADIDAS) ชาแนล (CHANEL) และยี่ห้ออื่น ๆ ประมาณ 100,000 ชิ้น รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

 

โดยเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง โดยกล่าวหาว่า “เสนอจำหน่าย และมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร ซื้อหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร”

 

 

การจับกุมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา สืบสวนพบว่า มีสถานที่จำหน่ายสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักรอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยสถานที่ดังกล่าวมีพฤติการณ์ทำความผิดเป็นแหล่งค้าส่งค้าปลีก ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยเสนอจำหน่ายสินค้าปลอมคุณภาพเกรด A เพื่อขายให้กับผู้ที่สนใจอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย จึงได้วางแผนทำการตรวจค้นและยึดของกลางไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย