ดิเอ็มเมอรัลด์ ยันทำตามกฎหมายทุกอย่าง แฉเคยถูกเรียกรับผลประโยชน์

โพสเมื่อ : Tuesday, March 7th, 2017 : 8.19 pm

ผู้บริหารดิเอ็มเมอรัลด์ ยันทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง หลังถูกร้องให้จังหวัดตรวจ สอบ 3 โครงการในภูเก็ต เชื่อการร้องเรียนครั้งนี้มีเบื้องหลัง เผยที่ผ่านมาเคยถูกกลุ่มบุคคลขู่เรียกรับผลประโยชน์พร้อมข่มขู่มาแล้ว ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลฟ้องกลับคนทำให้เสียหาย เหตุมีการยกเลิกการจองไปแล้ว 1 ราย

เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ ( 7 มี.ค.) ที่โครงการดิเอ็มเมอรัลด์เซ็นทรัล คอนโด (ปากซอยธิดา เยื้องห้างแม็คโครภูเก็ต) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายสาวิตร เกตุโรจน์ ผู้บริหารระดับสูง บริษัท เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป พร้อมด้วยฝ่ายบริหาร และ ฝ่ายกฎหมาย ร่วมกันแถลงข่าว กรณีโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งบริหารงานโดย “เอ็มเมอรัลด์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป” ถูกกลุ่มผู้รักชื่อเสียงจังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของโครงการฯ เมื่อเร็วๆนี้

โดยนายสาวิตร เกตุโรจน์ กล่าวชี้แจง ว่า การดำเนินธุรกิจทุกอย่างของ บริษัทฯ ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และเคารพสิทธิของประชาชน รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม, พ.ร.บ.ผังเมือง และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร โดยปัจจุบันทางบริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดกระบี่ รวมทั้งหมด 7 โครงการ แต่มีโครงการที่ถูกร้องให้มีการตรวจสอบ 3 โครงการ

ประกอบด้วย 1. โครงการ The Emerald Nirvana Kalim ซึ่งไม่ใช่โครงการ Emerald Development Group ตั้งอยู่ที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มี 2 ประเด็น คือ เรื่องเอกสารสิทธิ ซึ่งที่ดินดังกล่าวทางบริษัทฯ ได้ซื้อมาจากผู้ขาย และได้ทำการตรวจสอบที่ดิน น.ส. 3ก. ทั้ง 5 แปลง ที่แบ่งแยกไปทำโครงการต่างๆ ได้แก่ โรงแรม, ที่พักอาศัย รวมถึงวิลล่า จากหน่วยงานราชการแล้ว พบว่า น.ส.3ก ซึ่งออกเมื่อปี 2539 นั้นมาจาก สค.1 ที่ครอบครอง โดยนายสัน สเน่ห์ ออกเอกสารสิทธิเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2494 ก่อน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และปัจจุบันทายาทของเจ้าของ สค.1 ยังมีชีวิตอยู่และได้นำมาเป็นพยานบันทึกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ดินแล้วว่าเป็น สค. 1 ในพื้นที่ดังกล่าวจริง ส่วนเรื่องจำนวนเนื้อที่ ก็เป็นไปตามเอกสาร

ประเด็นที่ 2 เรื่องการขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งบริษัทฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ภายใต้หลักวิศวกรรมและส่งผลกระทบน้อยที่สุด โดยได้ยื่นขอและได้รับใบอนุญาตก่อสร้างกำแพงกันดินจากเทศบาลป่าตอง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียบร้อย ส่วนวิลล่า จำนวน 8 หลัง บริษัทฯ ได้ยื่นแบบขออนุญาตผ่านเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเริ่มต้นก่อสร้าง ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ พบว่ามีบางส่วนที่ระดับความสูงเกินกฎหมายกำหนดก็ไม่ได้นำไปพัฒนาอะไร ยังคงรักษาไว้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่วนกรณีกล่าวหาว่า มีการขุดถมดิน หากดูจากแบบก่อสร้างพบว่า เป็นการสร้างอาคารที่ใช้พื้นที่ขุดดินออกน้อยมาก เพราะออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่จริงและตั้งใจให้ทั้งโครงการออกมาในรูปแบบเป็นการอยู่อาศัยอิงธรรมชาติให้มากที่สุด นอกจากนี้กรณีที่มีการระบุว่า มีการขายและโฆษณาชวนเชื่อนั้น บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้ถูกฟ้องร้องแต่อย่างใด เนื่องจากที่ผ่านมามีการสื่อสารที่ดีกับลูกค้ามาโดยตลอด

ในส่วนของโครงการที่ 2 The Emerald Terrace Condo Patong ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนพระบารมี (บริเวณหลังธนาคารออมสิน) ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ทางบริษัทฯ ได้มีการออกโฉนดห้องชุด (อช.) ให้กับลูกบ้านและได้โอนไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ปรากฏการร้องเรียนใดๆ ในเรื่องของเอกสารและในการออกเอกสารก็มีคณะกรรมการกลางของจังหวัดตรวจสอบหลายฝ่าย รวมถึงเทศบาลป่าตอง ซึ่งจะต้องตรวจสอบมาตรฐานของอาคารในด้านต่างๆ และผ่านการตรวจสอบถูกต้องเรียบร้อย นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ก็ไม่เคยนำพื้นที่ดาดฟ้ามาทำเป็นห้องพักขายคอนโดตามที่กล่าวหา เพราะการออกเอกสารโฉนดห้องชุดหากก่อสร้างไม่ตรงกับแบบขออนุญาตก็ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว

และโครงการที่ 3 The Emerald Central Condo ตั้งอยู่เยื้องๆ กับห้างแม็คโครภูเก็ต ยืนยันว่า มีการก่อสร้างตรงตามแบบแปลนทุกประการ โดยเป็นอาคารเพื่ออยู่อาศัยความสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร มีความสูงอาคารละ 21 เมตร ซึ่งไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 23 เมตร โดยมีการปรับแบบระเบียงอาคารเพียงบางส่วนเพื่อไม่ให้กระทบกับแนวเขตที่ดิน และมีระยะร่นที่ถูกต้องตามใบอนุญาตทุกประการ

นายสาวิตร ยังได้กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากก่อนที่จะมีการก่อสร้างทางบริษัทฯ ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาก็มีการร้องเรียนให้หน่วยงานราชการมาตรวจสอบตั้งแต่เริ่มต้นทำโครงการ และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบแล้ว 3- 4 ครั้ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า การร้องเรียนในครั้งนี้น่าจะมีเบื้องหลังแน่นอน เพราะทางบริษัทฯ เคยมีกลุ่มบุคคลทั้งในเครื่องแบบจากส่วนกลาง และคนในพื้นที่ ที่ร่วมมือกัน ข่มขู่ และเรียกรับผลประโยชน์ โดยบอกว่าหากบริษัทฯ ไม่รีบดำเนินการเคลียร์เงินให้ก็จะดำเนินการลงข่าวให้เกิดความเสียหายในธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ มีข้อมูลและอยู่ระหว่างเตรียมการดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว

นายสาวิตร ยังได้กล่าวยืนยันว่า ทำธุรกิจด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพสิทธิของส่วนรวมมาโดยตลอด ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยใดๆ และขอให้กลุ่มคนดังกล่าว หยุดการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดภูเก็ต เพราะการบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้นักลงทุน,ผู้ซื้อ รวมถึงประชาชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ขาดความเชื่อมั่นและทำให้ธุรกิจเสียหายในวงกว้างได้ เพราะเราเองมีเจตนาสร้างธุรกิจเพื่อพัฒนาจังหวัดภูเก็ต รายได้จากธุรกิจของบริษัทฯ มีแผนจะนำมาตอบแทนสู่สังคมทั้งด้านการศึกษาและสร้างประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกหลายอย่างต่อไปในอนาคต จึงไม่ยอมจ่ายให้กลุ่มที่เรียกรับผลประโยชน์ เพราะมองว่าเงินที่ถูกเรียนนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกมาก”

อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีข่าวออกไปทางบริษัทฯ ได้รับความเสียหายค่อนข้างมา ซึ่งเบื้องต้นมีลูกค้ายกเลิกการจองห้องชุดไปแล้ว 1 ราย ซึ่งห้องชุดดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท และยังคงมีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีการชี้แจงไปแล้ว โดยภาพของทั้ง 3 โครงการ ขณะนี้มีการขายไปแล้วค่อนข้างมาก เฉพาะปี 2559 มีการขายไปแล้วถึง 87 ยูนิต มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะทำยอดขายให้ได้ประมาณ 100 ยูนิต แต่ก็มาเจอเหตุการณ์นี้ก่อน