ญาติเชื่อระบบไม่ได้มาตรฐานทำไฟฟ้าดูด “นิกกี้” ดับ ด้านตำรวจ – ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าลงตรวจที่เกิดเหตุ

โพสเมื่อ : Monday, July 15th, 2019 : 1.48 pm

ญาติเชื่อระบบไม่ได้มาตรฐานทั้งการต่อเชื่อม และ การต่อสายกราวด์ จี้ทุกหน่วยเร่งหาทางป้องกัน ขอให้หลานตัวเองสังเวยชีวิตเป็นรายสุดท้าย ขณะตำรวจขอผู้เชี่ยวชาญตรวจระบบเร่งหาสาเหตุไฟฟ้าดูด “นิกกี้” ดับคาสนามบาส ในสวนหลวง ร.9  

วันนี้ ( 15 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน นำโดย พ.ต.อ.วชิรา ละเอียดศิลป์ หัวหน้าพิสูจน์หลังฐานภูเก็ต พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากการไฟฟ้าภูเก็ต ร.ต.อ. อนุวรรตน์ รักษายศ ร้องเวรเจ้าของคดี ตัวแทนเอ้าซอส ซึ่งมีหน้าที่ดูแลระบบไฟในสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 และ นายไชยยศ ปัญญาไว อดีต สว.ภูเก็ต ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ไฟฟ้าจากจากเสาไฟส่องสว่าง บริเวณสนามบาสเก็ตบอลภายในสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (สวนหลวงร.9) ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ดูดร่างของนายคาห์เลด นัวร์ หรือ นิกกี้ อายุ 18 ปี และ นาย เชิดศักดิ์ วายาโน หรือ น้องแอลโซ่ อายุ 18 ปี อดีตนักบาสเก็ตโรงเรียนแห่งหนึ่ง ขณะนั่งพักวอร์มร่างกายใกล้กับเสาไฟฟ้า ริมสนาม เป็นเหตุให้ นายคาห์เลด นัวร์ หรือ นิกกี้ เสียชีวิต และ นายเชิดศักดิ์ วายาโน หรือ “แอลโซ่” ได้รับบาดเจ็บ  โดยเหตุเกิด เมื่อเวลาประมาณ 18.30น.ของวันที่ 13 ก.ค.62 ที่ผ่านมา

โดยมีการตรวจสอบทั้งระบบการเชื่อมต่อสายไฟภายในเสาต้นที่เกิดเหตุ ใช้เครื่องมือตรวจวัดการวางระบบสายกราวด์ โดยผู้เชี่ยวชาญจากการไฟฟ้าภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง ในการตรวจเช็คระบบ ในเบื้องต้นพบว่ามีการแก้ไขสายไฟภายในเสาเหล็กโดยการนำสกอตเทปสีดำมาพันในส่วนของสายไฟที่เปลือยจนเห็นตัวทองแดงไว้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแกะออกมาดูว่าบริเวณสายไฟมีร่องรอยไหม้หรือไม่ รวมทั้งตรวจดูบริเวณในเสา

โดยจากการตรวจสอบทางผู้เชี่ยวชาญ ไม่ได้ให้ข้อมูลและผลการตรวจสอบกับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวแต่อย่างใด โดยระบุว่าหลังจากนี้จะทำรายงานสรุป ส่งให้กับทางพนักงานสอบสวนต่อไป

ขณะที่นายชัยยศ ปัญญาไวย อดีต สว.ภูเก็ต ซึ่งเป็น ญาติผู้เสียชีวิต  กล่าวภายหลังร่วมติดตามการเก็บหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ฯ กับผู้สื่อข่าว phukethotnews.net  ว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนของคดีความ สิ่งที่ต้องการทราบ คือ สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร เป็นความประมาทหรืออุบัติเหตุ เพื่อหาทางป้องกันต่อไป โดยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรวบรวมพยานและสรุปสำนานว่าเป็นอย่างไรเกิดจากความประมาทจริงหรือไม่

ตนขอให้การตายของ “น้องนิกกี้” เป็นรายสุดท้าย ที่ต้องมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งในการดูแลป้องกันนั้นตนไม่ระบุเฉพาะในพื้นที่ความรับผิดชอบของเทศบาลนครภูเก็ตเท่านั้น แต่หมายถึงทั้งจังหวัดภูเก็ต โดยให้แต่ละท้องถิ่นที่รับผิดชอบพื้นที่สาธารณะต่างๆ เข้าไปตรวจสอบดูแลว่าสถานที่ใดสุ่มเสี่ยงต่อกรณีในลักษณะนี้บ้าง เพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วความเสียหายมีจำนวนมากข้อหาให้แนวทางป้องกัน

นายชัยยศ ยังกล่าวต่อไปว่า ส่วนที่ 2 ซึ่งได้มีการเรียกร้องมาโดยตลอด  คือ การเข้าไปดูแลช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ เพราะจากคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ของ “น้องนิกกี้” ได้โทรศัพท์มาเล่าให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุได้เข้าไปช่วยทำ CPR  แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทัน เนื่องจากต้องรอรถพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือซึ่ง ทราบว่าใช้เวลาประมาณ 30 นาที กว่ารถพยาบาลจะมาถึงก็สายเกินไป ดังนั้นสิ่งที่ต้องการเรียกร้องด่วนที่สุด คือ มาตรการในการป้องเหตุเป็นอันดับแรก ต้องการให้แต่ละพื้นที่จัดรถฉุกเฉินไปประจำตามจุดต่างๆซึ่งเป็นจุดออกกำหลังกายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสวนหลวง สะพานหินหรือที่อื่นๆ เพื่อให้การช่วยเหลือเข้าถึงได้ทันทีกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

นายชัยยศ กล่าวกับผู้สื่อข่าว phukethotnews,net ต่อไปว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ยังมีประเด็นที่ติดใจในหลายๆเรื่อง เพราะจากการที่ได้เข้าไปสังเกตการณ์การตรวจสอบที่เกิดเหตุ และ สอบถามสาเหตุในเบื้องต้น พบว่าข้อเท็จจริงยังมีความย้อนแย้ง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า เกิดจากตัวแมลงที่เรียกว่าจันโรงหรือตัวอุง เข้าไปทำรัง แต่เบื้องต้นที่เห็นด้วยสายตาตัวเอง คือ ข้อต่อสายไฟฟ้าในเสาไฟ ไปกระทบกับตัวเสาไฟแล้วเกิดไฟรั่ว และ ประเด็นที่ 2 คือ สายกราวด์ลงดิน เห็นได้ชัดว่า ข้อต่อหลวม และสายที่ต่อลงดินสั้น ไม่ได้มาตรฐาน  และจากการตรวจสอบค่าต้านทานก็เกิดกว่ามาตรฐานที่กำหนด สอบถามทางเจ้าหน้าที่ฯ เบื้องต้น พบว่า การดำเนินการไม่ได้มาตรฐาน มีความผิดพลาดและน่าจะเป็นความประมาท ซึ่งก็ต้องตรวจสอบต่อไปว่า เป็นความรับผิดชอบของใครบ้าง

อย่างไรก็ตามนายชัยยศ กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุมีคำถามเข้ามาค่อนข้างมากว่าทางเทศบาลนครภูเก็ตได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรบ้าง  เบื้องต้นได้มีการเข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องการรักษาพยาบาล การและจัดเตรียมสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนการเยียวยาหรือการช่วยเหลือในทางแพ่งนั้น ยังไม่ได้พูดคุยกัน เนื่องจากขณะนี้เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเสียชีวิต และการจะพูดถึงเรื่องของการเรียกค่าความเสียหายอาจจะเร็วเกินไป ฉะนั้นขอให้ได้ข้อยุติในเรื่องเท็จจริงทางคดีอาญาก่อนจึงจะเข้าสู่กระบวนการพูดคุยเรื่องค่าเสียหายต่อไป