ซบหนักสุดในรอบ 10 ปี ผู้ประกอบการหยุด – เลิกกิจการเพียบ  

โพสเมื่อ : Sunday, July 7th, 2019 : 4.11 pm

โลว์ซีซั่น การเมือง เศรษฐกิจ ทำท่องเที่ยวภูเก็ตซบหนักสุดรอบ 10 ปี “ป่าตอง” ทำเลยอดฮิต ยังนิ่งสนิท ผู้ประกอบการสถานบันเทิงเลิกกิจการ ไม่ต่อสัญญาแล้ว 20 – 30 %

นายวิรวิชญ์ เครือสมบัติ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ช่วงโลซีชั่น พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลง ตามแหลงท่องเที่ยว สถานประกอบการต่างเริ่มเงียบเหงา อัตราการเข้าพักโรงแรมต่างๆก็เริ่มลดลงค่อนข้างมาก กลุ่มนักท่องเที่ยว ตลาดหลัก คือ จีน ยุโรป และสแกนดิเนเวีย ชะลอการเดินทางเข้าภูเก็ตอย่างชัดเจน

ซึ่ง ปกติในช่วงโลว์ซีซั่นทุกปีสถานการณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามีจำนวนลดน้อยลงอยู่แล้ว แต่โลว์ซีซั่นปีนี้หนักกว่าปีที่ผ่านมามาก และ พบว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวปีนี้ซบหนักที่สุดในรอบ 10 ปี ผู้ประกอบการทั้งโรงแรม และ สถานบันเทิงต่างก็ออกมาสะท้อนมาค่อนข้างเยอะ ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาลดน้อยลง ขณะที่คุณภาพก็ลดลงทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวไม่ดีเท่าที่ควรรวมถึงรายได้ก็ลดลงด้วย

สำหรับสาเหตุที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวลดลงเกิดมาจากหลายสาเหตุ ทั้งสถานการณ์โลว์ซีซั่น การเมือง และ ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการหลายๆรายเริ่มมีการขยับตัว โดยเฉพาะในส่วนของสถานบันเทิง รายไหนพอมีทุนก็สู้ต่อ แต่ถ้ารายไหนทุนน้อยก็ต้องหยุดกิจการ และไม่ต่อสัญญาเช่า ซึ่งขณะนี้พบว่ามีผู้ประกอบการสถานบันเทิงมากกว่า 30 % ที่ต้องเลิกกิจการ ขายกิจการ และ ไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่ เนื่องจากแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว

นายวิรวิชญ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการท่องเที่ยวในภาพรวมของภูเก็ตจะดีหรือแย่ ดูได้จากการท่องเที่ยวป่าตอง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตถ้าการท่องเที่ยวของป่าตองไม่ดี สถานการณ์การท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็คงไม่ต่างกันถ้าป่าตองแย่ที่อื่นก็คงไม่ต่างกัน

ขณะที่นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานพิโซน่ากรุ๊ป ผู้ประกอบการโรงแรม และสถานบันเทิง ประธานมูลนิธิพัฒนาป่าตอง กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในเรื่องเดียวกันว่า จากการเก็บตัวเลกนักท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าปีนี้การท่องเที่ยวของภูเก็ตแย่ที่สุด ซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องของโลว์ซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาน้อย เรื่องของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ปัญหาการกีดกันทางการค้า ปัญหาเรื่องเงินบาทที่แข็งขึ้น และเรื่องการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ประกอบกับประเทศไทยมีคู่แข่งทางด้านการท่องเที่ยวเกิดขึ้นหลายเมืองไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว ที่หันมากระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง

เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตอยู่ได้ เราจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของการส่งเสริมทางด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของมาตรการความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวได้ ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเลือกไปเที่ยวที่อื่นแทนได้ เพราะนั้นเราจะต้องปรับตัวและรักษาภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกต่อไป

นายปรีชาวุฒิ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง รายได้จากการท่องเที่ยวน้อยลง แผนที่จะพัฒนาไปสู่ไฮซีซั่นของผู้ประกอบการก็ต้องชะงักไป เมื่อไม่สามารถเดินต่อไป ก็ต้องหยุดซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในส่วนของผู้ประกอบการร้านเช่าในกลุ่มสถานบันเทิงได้ยกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วประมาณ 30 % ในส่วนของร้านอาหารต่างๆก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับหน้าไฮซีซั่นพบว่ารายได้หายไปประมาณ 30 % เมื่อร้ายได้หายก็ส่งผลให้มีการเลิกกิจการไปจำนวนมากเช่นเดียวกัน

ขณะที่แหล่งข่าวจากโรงแรมในย่านหาดป่าตอง แห่งหนึ่ง กล่าวกล่าวว่า ตั้งแต่หลังช่วงสงกรานต์เป็นต้นมาบรรยากาศท่องเที่ยวของภูเก็ตเงียบมากโดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของหาดหลัก ๆ อย่างป่าตอง กะตะ กระรน ตัวเลขลดลงมาอยู่ที่ 50% ขณะที่หาดอื่น ๆ เช่น หาดกมลา,หาดราไวย์, หาดในทอน, หาดในยาง, หาดบางเทา ฯลฯ แทบจะไม่นักท่องเที่ยวเลย ทำให้โรงแรมต่าง ๆ ต้องอัดแคมเปญราคากันหนักมาก แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นได้ เพราะโลว์ซีซั่นปีนี้นักท่องเที่ยวหายไปเยอะจริง ๆ