ชาวบ้านค้าน ทร.ภ.3 ใช้พื้นที่สวนป่าบางขนุนตั้งหน่วยทหาร เบื้องต้น ตั้งหน่วยรับข้อมูลให้เข้าเก็บผลอาศัยได้

โพสเมื่อ : Tuesday, April 25th, 2023 : 10.15 am

ค้าน ทัพเรือภาค 3 ขอตั้งหน่วยทหาร ในส่วนป่าบางขนุน หลังป่าไม้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ กว่า 3,763 ไร่ ขณะทหาร พร้อมเปิดศูนย์รับข้อมูลข่าวสาร เบื้องต้นให้ชาวบ้านเข้าเก็บพืชอาสินได้ระบุขอใช้แค่ 500 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นการดูแลพิทักษ์ป่า

จากกรณี ทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าบางขนุน ต.เทพกระษัตรี และ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3,763 ไร่เศษ เพื่อเป็นที่ตั้งกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยาน และรักษาชายฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง และกองพันสารวัตรทหารเรือที่ 4 กรมสารวัตรทหารเรือ   แต่ปรากฎว่าหลังราษฎรที่เข้าไปอยู่อาศัยและทำประโยชน์  ทราบเรื่อง ได้ออกมามาคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมองว่าจะส่งผลกระทบกับชาวบ้านโดยตรง

ล่าสุด พลเรือตรีภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาค 3 ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมทีมฝ่ายบริหาร ได้จัดให้มีประชุมชี้แจงกรณีดังกล่าวขึ้น โดยมีนายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง, นายสิทธิชัย จันทวัฒน์ นายกอบต.เทพกระษัตรี, นายสุรินทร์ โยธารักษ์ รองนายก อบต.สาคู, ตัวแทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต,ป่าไม้ภูเก็ต, กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่บางส่วนและได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าใช้พื้นที่ดังกล่าว ณ ห้อง ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต

นายสุรินทร์ โยธารักษ์ รองนายก อบต.สาคู กล่าวว่า เหตุที่คัดค้านไม่ให้ทหารเรือใช้พื้นที่สวนป่าบางขนุนทั้งหมด เนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนของ 2 ตำบล  คือ ต.สาคู กับ ต.เทพกระษัตรี มีการตั้งบ้านเรือนและปลูกพืชผลทางการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ รวมกว่า 100 ครอบครัว หากให้เขาย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน  จากเดิมที่ทางท้องถิ่นเห็นชอบให้ทหารเรือใช้พื้นที่ คือ ประมาณ 400 ไร่ แต่ขณะนี้มีอนุญาตใช้คลุมทั้งพื้นที่คือ 3,763 ไร่  ซึ่งอยากให้ทัพเรือมีการทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง  เพราะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน  และ ทหารเรือไม่ควรที่จะมาตั้งฐานทัพอยู่ที่ภูเก็ต  แต่ควรไปอยู่พื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมกว่า

ขณะที่พลเรือตรีภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาค 3 กล่าว ภายหลังการรับฟังการสะท้อนปัญหาจากผู้แทนท้องถิ่นและชุมชน ว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษหากที่ผ่านมาอาจจะมีการเข้าใจผิดหรือการใช้คำพูดของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะได้มีการนำข้อมูลที่ได้รับไปนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป   เพราะแนวนโยบายที่ได้รับมานั้น คือ ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลกระทบหรือความเดือดร้อนน้อยที่สุด และผู้ที่มีพืชผลอาสินอยู่ก็ยังสามารถเข้าไปดำเนินการจัดเก็บได้ตามปกติ ส่วนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็จะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาหารือและหาทางออกที่ชัดเจนร่วมกันอีกครั้ง

หลังจากนั้น พลเรือตรีภุชงค์ กล่าวภายกลังการประชุม ว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยในสวนป่าบางขนุน  กรณีที่กองทัพเรือได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ในการจัดตั้งหน่วยเพื่อดูแลความมั่นคงของพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่ก็ต้องมาดูประเด็นปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว มีอะไรบ้าง จึงเชิญผู้นำชุมชน และตัวแทนพี่น้องประชาชน ตลอดจนพี่น้องที่ได้รับผลกระทบมาสะท้อนปัญหา เพื่อจะได้รวบรวมปัญหานำเสนอหน่วยเหนือได้รับทราบต่อไป

แต่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบในการเข้าไปใช้พื้นที่ โดยมีการผ่อนปรนให้เข้าไปเก็บผลอาสินต่าง ๆ ได้ จนกว่าการแก้ปัญหาจะเรียบร้อย ซึ่งในการแก้ปัญหาของกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 3 จะมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้สันติวิธี คือการเจรจาเป็นหลัก  ให้ออกมาในแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์และลดผลกระทบที่จะเกิดแก่พี่น้องประชาชน

“ในการขอใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยใช้พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ แต่พื้นที่ที่ได้รับมาประมาณ 3,700 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นข้อตกลงว่า ทหารเรือจะต้องเข้าไปดูแลพิทักษ์รักษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมีพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือที่จะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะมีการตรวจสอบว่า  พื้นที่ที่มีการอ้างว่าเข้าไปใช้ประโยชน์นั้นมีเอกสารครอบครองอย่างไร

หากได้มาโดยชอบธรรมก็จะคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนก็จะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป  ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นหลังจากกองทัพเรือได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา”

พลเรือตรีภุชงค์ ยังกล่าวด้วยว่า เพื่อความสบายใจของพี่น้องประชาชน และได้ยืนยันตัวตนในการเข้าไปอยู่อาศัยหรือทำกินอยู่ในป่าบางขนุน จะมีการจัดตั้งศูนย์รับข้อมูลข่าวสาร  เบื้องต้นกำหนดไว้ที่หน่วยซึ่งอยู่ภายในสวนป่าบางขนุนอยู่แล้ว  ซึ่งจะได้มีการรวบรวมข้อมูลและใช้แก้ปัญหาต่อไป