จับ 28 ผู้ต้องหาดำเนินคดี ระดมกวาดล้างสร้างความเชื่อมั่น นทท.

โพสเมื่อ : Wednesday, October 11th, 2017 : 11.00 pm

ตำรวจท่องเที่ยวสนธิกำลังตำรวจท้องที่และกำลังจากหลายหน่วยงานตรวจค้น ทั่วเมืองภูเก็ต กวาดล้างคนผิวสีอยู่เกินกำหนด-ยาเสพติด สถานประกอบการสุขภาพ ธุรกิจนำเที่ยว ฯลฯ ที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. รวบผู้ต้องหา 28 ราย ระบุที่ผ่านมามีการร้องเรียนต่อเนื่องทั้งการตั้งกลุ่มแก๊งในพื้นที่ แฝงตัวสร้างอิทธิพล จำหน่ายยาเสพติด

 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ ( 11 ต.ค.)  ที่สถานีตำรวจท่องเที่ยว กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 (สถานีตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต) พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการปฏิบัติ ตามยุทธการ สร้างความเชื่อมั่น ในการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว

 

โดยวันนี้ ตำรวจท่องเที่ยวได้สนธิกำลังตำรวจท้องที่ ทหาร สรรพากร ศุลกากร ตรวจคนเข้าเมือง และคุ้มครองผู้บริโภค ได้กระจายกันออกตรวจค้นทั่วเมืองภูเก็ต รวม 7 จุด ทั้งสถานประกอบการเรือท่องเที่ยว แท็กซี่ สถานประกอบการสุขภาพ สถานประกอบการสอนดำน้ำที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน  สปา และ ห้องเช่า รวมถึงอพาร์ตเม้นต์ เพื่อกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด สถานประกอบการสุขภาพที่ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. และ เพื่อกวาดล้างคนผิวสีที่อยู่เกินกำหนด

ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 28 คน เป็นนักท่องเที่ยวผิวสี ทั้งชาว เคเมอรูน อินเดีย อัลจีเรีย ไนจีเรีย อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด รวมจำนวน 4 คน หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 4 คน เป็นชาวยูกันดา จับกุมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด 11 คน พ.ร.บ.อาวุธปืน 2 คน พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ 4 คน พ.ร.บ.การเดินเรือ 1 คน พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว 1 คน และจับกุมผู้ต้องหา 1 คนจากการตรวจค้นสถานประกอบการพยาบาล ข้อหาเป็นยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา ยาไม่มีเลขที่ อย.

 

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายในการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของทะเลอันดามัน ประกอบกับมีเกาะโดยรอบที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก มีนักท่องเที่ยวมาจากหลายประเทศเป็นจำนวนมาก

ที่ผ่านมาหน่วยงานความมั่นคงในภาครัฐได้มีความเข้มงวดในการสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว แต่ก็ยังปรากฏการร้องเรียนถึงการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และมีการตั้งกลุ่มแก๊งในพื้นที่อยู่บ้าง เช่น การเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถสาธารณะ กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด แฝงตัวสร้างอิทธิพลในพื้นที่ ตั้งกลุ่มแก๊งมั่วสุมและจำหน่ายยาเสพติด รวมถึงการก่ออาชญากรรมต่างๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้กระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม จากมาตรการตรวจค้นกวาดล้างอาชญากรรม ซึ่งมีผลปฏิบัติการเป็นที่น่าพอใจ ยืนยันว่าในปีแห่งการท่องเที่ยว ที่จะเริ่มขึ้นในปีหน้านี้ จะต้องไม่มีปัญหาอาชญากรรมหรืออาวุธปืนเถื่อนและมาเฟียที่คอยเอาเปรียบคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ