“จตุพร” ควงหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ เปิดตัวผู้สมัคร พร้อมระบุไม่คาดหวังจำนวน ส.ส.

โพสเมื่อ : Thursday, December 13th, 2018 : 8.20 am

 “จตุพร” ควงหัวหน้าพรรค ลงภูเก็ต เปิดตัว 2 ผู้สมัครในพื้นที่ พร้อมเผยพรรคไม่คาดหวังเรื่องจำนวน ส.ส. แต่ต้องการเข้ามาเป็นพรรค “เกาะกลาง” ร่วมนำพาประเทศชาติรอด

เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ 12 ธันวาคม ที่ยิมเนเซียม 1 ศูนย์กีฬาสะพานหิน เทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร นายอารีย์ ไกรนรา นายไชยวัฒน์  ไกรฤกษ์ ดร.วิโชติวรรณโณ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ ตลอดจนกรรมการบริหารลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อพบปะกับพี่น้องชาวเลหรือชาวไทยใหม่แหลมตุ๊กแก และ สมาชิกพรรคในจังหวัดภูเก็ต ประมาณ 300 คน   พร้อมเปิดตัวผู้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ทั้ง 2 เขต ประกอบด้วย เขต 1 นายพลัฎฐ์ จันทรโศภิน และ เขต 2 นายกชบดินฐ ภูมิพงศ์

โดยก่อนที่นายจตุพรฯ และหัวหน้าพรรค พร้อมคณะจะเดินทางมาถึง ได้ส่งว่าที่ ร.ต.มนตรี  เฉียบแหลม  กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ในฐานะผู้เป็นพี่เลี้ยงในการเลือกประธานตัวแทนพรรคเพื่อชาติประจำจังหวัดภูเก็ตดำเนินการเลือกตัวแทนคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ภูเก็ต ปรากฏว่า นางฐษา จันทรโศภิน ได้รับเลือกให้เป็น ประธานคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ภูเก็ต

นายจตุพร พรหมพันธุ์  กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ นั้นพรรคเพื่อชาติได้เลือกพื้นที่ที่มีความยากลำบากมากในการเริ่มต้น ตั้งแต่การเปิดสาขาพรรคที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อด้วย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามด้วย สงขลา สตูล พัทลุง สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง และ ภูเก็ต  ยังเหลือ อีก 3 จังหวัดก็จะครบทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้  จากการลงพื้นที่ต่างๆ พบว่า พี่น้องชาวใต้มีความเดือดร้อนในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของภูมิประเทศ เช่น ราคายางพารา ราคา ปาล์มน้ำมัน  การท่องเที่ยว เป็นต้น

จากพูดคุยกับทางหัวหน้าพรรคฯ ทราบว่าจะมีการส่งทีมลงพื้นที่เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำมากำหนดเป็นนโยบายของพรรค ก่อนที่จะนำกลับมาเสนอให้กับพี่น้องประชาชน และหลังเลือกตั้งเสร็จ หากมีโอกาสเป็นรัฐบาลจะมีการนำเสนอเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป

“ฉะนั้นเราไม่ได้ตั้งต้นว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด แต่ความตั้งใจของพรรคเพื่อชาติที่ต้องมาเป็นผู้สนับสนุนนั้น เจตนารมณ์พาประเทศไทยให้รอดก่อน เพราะหากประเทศไทยรอด ประชาชนก็จะรอด ทำให้เราไม่มีความกดดันว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด เอาชาติรอด ส.ส.เป็นเพียงผลพวงตามมา คือ ภารกิจหลัก

โดยจากการรับฟังเบื้องต้นปัญหาหลักที่ชาวบ้านต้องการให้เข้าไปแก้ไข คือ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ชาวใต้มีความผูกพันกับพืชเศรษฐกิจหลัก คือ ยางพารากับปาล์มน้ำมัน  ผลไม้ ท่องเที่ยวและประมง

นายจตุพร กล่าวต่อไป อีกว่า สิ่งที่พี่น้องชาวไทยประสบมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่ตนเกิดมาจนปัจจุบันก็ยังคงเป็นปัญหาเดิมๆ ไม่มีการแก้ไขอย่างยั่งยืนและแท้จริง เป็นเพียงการลูบหน้าปะจมูก เพราะเราขาดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพที่มีความเป็นประชาธิปไตยที่ต่อเนื่อง จึงก่อให้เกิดผลกระทบตามมา นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย เพราะบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ราคาพืชผลตกต่ำ เพราะอำนาจต่อรองของรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีการต่อรองด้วยต้นทุนที่ต่ำ ประชาชนจึงมีความวาดหวังว่า ผลการเลือกตั้งจะสร้างอำนาจการต่อรองของประเทศไทยในราคาผลผลิตสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการท่องเที่ยวและการประมง

“นอกจากการรับฟังปัญหาแล้วเราต้องสร้างความเข้าใจกับคนในประเทศเราก่อนว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนี้ ต่างฝ่ายต่างมีความคิดและถูกขยายความว่า นี่คือความแตกแยก นี่คือความขัดแย้ง ท้ายที่สุดเราก็ได้ผู้รักษาความสงบ เรื่องของคดีความก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ทุกฝ่ายต้องซึมซับเหมือนกันว่าเราต้องการอะไร หรือต้องการให้ประชาชนประเทศชาติได้อะไร

ที่พรรคเพื่อชาติ เสนอแนวทางการเป็นพรรคเกาะกลาง เพราะเชื่อว่าการพูดคุยกับคนที่มีความเห็นต่างกันจะคิดหาทางออกให้กับชาติได้ ไม่ใช่เปลี่ยนความคิด แต่ให้เอาชาติเป็นหลัก และตกลงเซ็นสัญญาประชาคมร่วมกันว่าเราจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างไร โดยไม่ได้เปลี่ยนความเชื่อนั้น หากไม่สามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ เราก็ต้องจบและลงท้ายด้วยการถูกยึดอำนาจเรื่อยไป และผลเสียก็จะเกิดกับประเทศ