คุณหญิงสุดารัตน์ ควงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยบุกภูเก็ตพบปะสมาชิก พร้อมเปิดสาขาพรรค

โพสเมื่อ : Monday, December 17th, 2018 : 10.37 pm

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ควงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่พบปะสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมเปิดสาขาพรรคลำดับที่ 4  ระบุภูเก็ตเป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ที่พรรคจะต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ห้องประชั้น 2 โรงแรมเอทู รีสอร์ท ภูเก็ต ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคฯ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จัดการประชุมสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งสาขาและเลือกคณะกรรมการสาขาพรรค สาขาลำดับที่ 4  ที่จังหวัดภูเก็ต

โอกาสนี้ยังได้มีการพบปะพูดคุยกับสมาชิกพรรคเพื่อไทยในจังหวัดภูเก็ตและใกล้เคียง ตลอดจนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ซึ่งเดินทางมาร่วมประชุมและมาให้กำลังใจด้วยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางผู้บริหารพรรคเพื่อไทยยังได้มีการพูดคุยกับตัวแทนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย อาทิ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคฯ กล่าว่า การที่เลือกมาเปิดสาขาพรรคที่ จ.ภูเก็ต นั้น เนื่องจากมองว่าภูเก็ตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ และ ทางพรรคมองว่า สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเป็นลำดับแรก คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการหยุดวิกฤติเศรษฐกิจทุกระดับชั้น  เพราะภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำเงินรายได้เข้าสู่จังหวัดและประเทศจำนวนมาก โดยเฉพาะจากการท่องเที่ยวในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามามากถึง 8.5 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยประมาณ 3.5 ล้านคน รวมนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศปีละกว่า 10 ล้านคน เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวมากที่ติดลำดับที่15 ของโลก จึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญระดับโลกและมีศักยภาพสูง ทั้งธรรมชาติหาดทรายชายทะเลที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่งดงามทรงคุณค่า ขณะเดียวกันคนในพื้นที่ก็มีศักยภาพสูง

จากเกิดเหตุการณ์เรือล่มเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทราบว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ลดลงไปเกือบ 50%  ทั้งๆ ที่ช่วงนี้เป็นฤดูการท่องเที่ยว หรือ ไฮซีซั่น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงให้ความสำคัญกับจังหวัดภูเก็ตมากว่า เพราะถือเป็นหน้าด่านของการท่องเที่ยวไทย หากไม่นับเมืองหลวง และเราเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องภูเก็ตได้เพราะปัญหาการท่องเที่ยวมีประเด็นใหญ่ๆ อยู่ 2-3 ประเด็น ประเด็นแรก คือ ความไม่มั่นใจจากเหตุการณ์เรือล่มว่า เรามีการกู้ภัย การป้องกันภัยและดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวได้ดีหรือไม่ และจะเกิดเหตุการณ์เรือล่มอีกหรือไม่

ซึ่งในเรื่องเหล่านี้เรามั่นใจว่าสามารถทำได้ดี เพราะเคยผ่านการบริหารจัดการในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นไม่เฉพาะภูเก็ตจังหวัดเดียวแต่รวมถึงจังหวัดอันดามันและชายฝั่งทะเลด้าน มหาสมุทรอินเดียหลายเมือง โดยเราสามารถทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นในการส่งกลับร่างของผู้เสียชีวิตกลับคืนให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นก็ได้มีการฟื้นฟูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย การจัดทำระบบเตือนภัยและระบบการกู้ภัย จนทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวภายในไม่ถึง 1 ปี

นอกจากนี้จะได้มีการประสานต่อนโยบายที่เคยทำแล้วประสบผลสำเร็จ  คือการยกเลิกวีซ่าระหว่างไทยกับจีน นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจุบันภูเก็ตมีปัญหาใหญ่ คือ การจราจร โดยสนับสนุนให้มีถนนสายรองจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งมีการสำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตมาก

ถัดมาคือ เรื่องของระบบราง จากสะพานสารสินเข้าสู่ตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งถือว่าจำเป็น เพราะจำนวนคนที่มากขึ้น เฉพาะนักท่องเที่ยวปีละ กว่า10  ล้านคน จึงต้องมีบริการเพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจ จึงจะหาเงินได้ ดังนั้นวันนี้จึงตั้งใจว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ตคงไม่เพียงแต่ส่งแค่ผู้สมัครอย่างเดียวแต่ต้องการมาทำงานรับใช้คนภูเก็ต

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้ใช้ใบประกาศตัวผู้สมัครขนาดกระดาษ A3 และติดประกาศเฉพาะจุดที่ กกต. กำหนด ว่า สำหรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่กกต. กำหนดออกมานั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมาก็โดนมาค่อนข้างมาก และคาดว่ายังจะมีอะไรที่แปลกๆ ออกมาอีก แต่อยากถามว่าในเมื่อ กกต. มีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งเพื่อคืนสู่ประชาธิปไตยให้กับประชาชนนั้น หลักการสำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้แพร่หลาย เช่น การกำหนดจำนวนหรือขนาดป้ายที่ไม่อาจจะสื่อสารได้สักเท่าไร

การกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ระบบออนไลน์ในการหาเสียง, หรือที่เป็นปัญหาใหญ่ คือ บัตรเลือกตั้งไม่ต้องมีโลโก้และชื่อพรรค เป็นต้น ถามว่าการกำหนดเช่นนี้ถือเป็นการพัฒนาหรือส่งเสริมการรับรู้ด้านประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนมากน้อยแค่ไหน และมีเหตุผลอะไรในการทำเช่นนั้น ทั้งที่ในการจัดการเลือกควรจะเป็นที่เปิดเผย และสนับสนุนให้แต่ละพรรคการเมืองหรือผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองสามารถพูดนโยบายได้อย่างเต็มที่ และเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสตัดสินใจอนาคตของเขาว่าจะเลือกอย่างไร ควรจะฝากความหวังไว้กับใคร แต่ปรากฏว่าครั้งนี้เหมือนจะเป็นการเลือกตั้งที่ให้ข้อมูลข่าวสารถึงประชาชนน้อยมาก และเหมือนจะเป็นความลับไปหมด ผู้สมัครลงพรรคไหนก็อย่าไปรู้ ป้ายผู้สมัครกำหนดให้มีขนาดเล็กๆ ซึ่งมองว่าไม่เห็นประโยชน์ในการพัฒนาประชาธิปไตยกับแนวคิดหรือหลักเกณฑ์ดังกล่าว

“ อยากให้ กกต.เป็นตัวของตัวเอง เพราะผู้ที่มีอำนาจและอยากจะหวนกลับคืนมาสู่อำนาจอีกนั้น อาจจะทำงานแค่ 1 ใน 3 ของพรรคการเมือง เพราะมีวุฒิสภาอยู่แล้ว 250 เสียง และหาแค่เพียง 126 คน คือ หา 1 ใน3 ของคนอื่นที่จะหาถือว่าได้เปรียบมากอยู่แล้ว ส่วนประเด็นว่าได้เปรียบหรือเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่นั้นงั้นนี้คงต้องขอละไว้ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะทำงานหนักและเดินหน้าต่อไป แต่อยากถามว่า การทำเช่นนี้ประชาชนได้ประโยชน์อะไร และเป็นการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างอยากให้ช่วยตอบสักหน่อย”

ส่วนกรณีการห้ามนำภาพอดีตนายกรัฐมนตรีมาใช้ในการหาเสียงว่า ประเด็นนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพรรคเพื่อไทย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อเราอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกเราพร้อมที่จะเดินหน้าทุกอย่าง แม้ว่ากติกาจะมีความยากเย็นหรือถูกเอารัดเอาเปรียบก็ไม่เป็นไร พร้อมที่จะสู้ แต่ กกต.ต้องตอบให้ได้ว่ากฎเกณฑ์ที่ออกมาและเหมือนเป็นการปิดกั้นการรับรู้ของประชาชนนั้น ก่อให้เกิดประโยชน์กับการเลือกตั้งอย่างไร เป็นประโยชน์ในการออกมาใช้สิทธิ์แบบไหน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการที่จะใช้สิทธิหรือไม่ รวมทั้งเป็นการพัฒนาประชาธิปไตยแบบไหนซึ่งควรจะตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ว่า กกต.ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติของผู้มีอำนาจที่จะกลับหวนคืนอำนาจ เ

พราะหากเป็นการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมคงไม่มีใครว่า ไม่ใช่หลักเกณฑ์บูดๆ เบี้ยวๆ อย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน รวมทั้งการไม่ใช้อำนาจในการแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือการใช้อำนาจให้คุณให้โทษกับราชการที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ หากต้องการจะหวนคืนสู่อำนาจ และคืนสู่ประชาธิปไตยตามหลักการ ต้องไม่เอาเปรียบกัน จะทำอย่างไรให้เกิดการเลือกตั้งที่ไม่ใช้อำนาจรัฐและการเลือกตั้งที่ไม่ใช้เงิน ส่วนตัวเกรงว่าเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่ใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินมากที่สุด ซึ่งเหล่านี้ กกต. ต้องทำให้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ขณะที่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดสาขาภูเก็ต เป็นสาขาที่ 4  ซึ่งครบทั้ง 4 ภาคแล้ว เหตุที่เลือกภูเก็ต เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และพี่น้องภาคใต้ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่าภาคอื่นๆ  ในส่วนของการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในภาพรวมนั้น ขณะนี้ลงตัวไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ยังเหลืออีกเล็กน้อย เช่น เขต 1 ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ

“จากการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก่อนหน้านี้ พบว่าปัญหาใหญ่  คือ นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนลดลง รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งประเด็นปัญหาต่างๆ ที่รับทราบมานั้นก็จะได้กำหนดเป็นนโยบายในการแก้ปัญหาต่อไป โดยในการหาเสียงนั้นเราก็ยังคงยึดประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ เพราะเป็นผู้ให้การสนับสนุนเรามาตลอด ทั้งนี้ในส่วนของนโยบายเดิมที่พรรคเคยทำไว้และได้รับความนิยมนั้นเราก็จะเข้ามาสานต่อ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายค้านในสภาก็ตาม เช่น นโยบายรัฐ 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, กองทุน SME เป็นต้น  โดยขณะนี้ไม่มีอะไรเป็นกังวล และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนก็จะเป็นผู้พิพากษาอะไรหลายๆอย่างเอง

 

อย่างไรก็ตามก่อนการประชุมสมาชิกพรรคฯ ทางคณะผู้บริหารพรรคนำโดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคฯ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคฯ  ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดที่ทำการสำนักงานพรรคเพื่อไทย สาขาลำดับที่ 4 จังหวัดภูเก็ต (ภาคใต้) ที่อาคารเลขที่ 150 หมู่ที่ 1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ด้วย