Thai Tapas with a modern twist เสน่ห์อาหารไทยในรูปแบบใหม่ที่แปลกตา

โพสเมื่อ : Tuesday, February 5th, 2019 : 4.20 pm

ระหว่างวันที่ 4 – 7 กุมภาพันธ์ ระหว่างเวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องอาหารกินจ้า เทสต์ ขอนำเสนอ เมนู ไทย ทาปาส  โดย เชฟประเสริฐชัย ตรงวานิชนาม เชฟแจ็ค แชมป์รายการเชฟกระทะเหล็ก ภายใต้คอนเซ็ปต์ เมนูแนวโมเดิร์นหรือแนวร่วมสมัยโดยใช้เทคนิควิธีการปรุงอาหารแบบโมเลกุลาร์ มีให้เลือกทั้งแบบ 6 คอร์ส และ 10 คอร์ส เสิร์ฟให้กับลูกค้าทีละคอร์ส พร้อมเชฟประเสริฐชัยจะออกมาแชร์เรื่องราวและแรงบันดาลใจของการทำอาหารแต่ละคอร์สในระหว่างค่ำคืน

เซ็ตเมนู ไทย ทาปาส แบบ 6 คอร์ส ราคา 2,800++ บาทต่อท่าน   และ

แบบ 10 คอร์ส ราคา 3,500++ บาท ต่อท่าน
Miang Kam Foie Gras – เป็นอาหารง่ายๆ ที่คนไทยรู้จักกันดีในนามว่า “เมี่ยงคำ” ความพิเศษของจานนี้ คือ ใช้ฟรัวการาดด้วยซอสที่ทำมาจากน้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มยอดนิยมของอาหารอีสาน ที่เคี่ยวจนเหนียวข้นผสมด้วยน้ำมะขามเพื่อเป็นน้ำเมี่ยงแอบรสชาติเผ็ดไว้บางๆ ทั้งหมดห่อรวมกันในใบชะพลู เมื่อเคี้ยวรวมกันจะสัมผัสได้ถึงเม็ดมะม่วงหิมพานต์บดหยาบ ให้อารมณ์ของความเป็นเมี่ยงคำแบบดั้งเดิมได้อย่างดี
Ceviche – แรงบันดาลใจของอาหารจานนี้มาจาก “พล่าทูน่า” แต่ถูกนำเสนอออกมาในรูปใหม่ที่ดูทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งจานนี้ยังมีการใช้เทคนิคของการ Drop Sphere น้ำกะทิให้มีลักษณะเป็นก้อนเจลนิ่มๆ และปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของใบสาระแหน่จากที่เป็นใบๆ ใครหลายคนอาจจะเขี่ยทิ้งมาเป็นรูปแบบ Mint gel  ที่ทำให้การทานง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีการดัดแปลงตะไคร้และหัวหอมออกมาเป็นผงแต่กลิ่นรสนั้นไม่ได้สูญเสียไปทำให้ทานได้สะดวก

Crackling – วัตถุดิบหลักของจานนี้มาจากหมูกรอบที่ผ่านกรรมวิธีในการทำร่วม 24 ชั่วโมง จนได้หมูกรอบที่หนังกรอบแต่ไม่แข็งหรือนิ่ม เนื้อแดงนุ่มละลายในปาก ต้นแบบของจานนี้มาจาก “ข้าวหมูกรอบ” ทานคู่กับซอสตัวพระเอกที่ทำมาจาก ผักเคล หัวturnip และ chili pesto และที่ขาดเสียไม่ได้ คือ ซีอิ๊วดำ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเชฟแจ็คด้วยการผสมไวน์ขาวลงไปด้วย ทำให้คำแรกที่เข้าปาก ้าวหมูกรอบก็ลอยเข้ามาในความคิดทันที

Stoned – การออกแบบจานนี้ล้อเลียนมาจาก สวนผัก ที่มีทั้งพืชหัว พืชใบ และ เห็ดต่างๆ โดยตัวแทนของพืชหัวทำมาจากมันม่วงบดอัดเป็นก้อนคล้ายก้อนหิน รายล้อมด้วยเห็ดและ Mushroom dust ที่ผสมด้วยผง Traffle พร้อมเคียงด้วย Pumpkin puree เมื่อทานรวมกันรสชาติลงตัวให้ทั้งความหวานของมันม่วง ความหอมของ Traffle และรสชาติของฟักทองเป็นอย่างดี 
Ice – นับว่าเป็นเมนูคั่นเวลาก่อนนำพาท่านไปสู่ Main Course สำหรับเมนูนี้นำน้ำสมุนไพรยอดนิยม “อัญชันมะนาว” มานำเสนอในรูปแบบเกล็ดน้ำแข็ง เพื่อดับความร้อนของอากาศเมืองภูเก็ต ความเย็นของน้ำแข็งอัญชันและความเปรี้ยวของมะนาวทำให้ผู้ทานได้คลายร้อนเป็นอย่างดี

Ocean – มาถึงจานพระเอกของเรา หน้าตาอาจจะดูแปลกๆ สีสันอาจจะไม่เร้าใจแต่ถ้าได้ทานแล้วรับรองมีอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว เชฟแจ็คเลือกใช้วัตถุดิบเป็นปลากะพงสายพันธุ์ Barramundi ซึ่งสายพันธุ์นี้จะให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและหอม คลุกเคล้าด้วยหมึกดำ ที่ีรีดมาจากหมึกสดนำมาผัดรวมกับข้าวหอมมะลิและสับปะรดเพื่อให้ได้ความหอมจากข้าวหอมมะลิและความหวานจากสับปะรด จากนั้นนำมาปั่นละเอียดและเคลือบตัวปลาก่อนนำไปนึ่งสุก ทานเคียงคู่กับ น้ำจิ้มซีฟู้ดที่มาในรูปแบบของเจล และ หอมใหญ่ผัดเนยบดละเอียด แกล้มด้วยราชินีสาหร่ายแห่งท้องทะเล “สาหร่ายพวงองุ่น” บอกได้เลยว่ารสชาติ “ปลานึ่งมะนาว” มาเลย

Sphere – ปิดท้ายด้วยของหวานสุดแสนจะซ่อนเร้น ภายในบอลที่ทำมาจาก White Chocolate มีบราวนี่ย์ที่ให้รสชาติของพริกเกลือและมีชิ้นสับปะรดและ pineapple candy ซ่อนอยู่ ทานแล้วประหนึ่งว่าทานสับปะรดจิ้มพริกเกลือล้างปากกันเลยทีเดียว

ท่านที่สนใจอยากลองสัมผัสประสบการณ์เหมือนที่เขียนมาในบทความนี้สามารถจองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นี้เท่านั้น ที่ห้องอาหารกินจ้า เทสต์ โรงแรม เจ ดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา นอกจากจะได้ทานอาหารรสเลิศล้ำแล้วคุณยังได้สัมผัสภาพพระอาทิตย์ตกน้ำสวยๆ ไม่แพ้ที่ดังๆในภูเก็ตอีกด้วย

สนใจจองโต๊ะ โทร 076 338 000 หรือ อีเมล  fbdiningexperience@marriotthotels.com