เทศบาลนครภูเก็ต จับมือ ปตท. พัฒนา นวัตกรรมพลังงานสะอาด ยกระดับเมืองภูเก็ตสู่ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ

โพสเมื่อ : Tuesday, April 5th, 2022 : 8.12 pm

เทศบาลนครภูเก็ต จับมือ ปตท. พัฒนา นวัตกรรมพลังงานสะอาด ยกระดับเมืองภูเก็ตสู่ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ Smart Energy – Smart City เตรียมผุดโครงการนำร่อง บริหารจัดการแหล่งน้ำ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ –  นำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้

 

เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน) เดินหน้าพัฒนาโครงการนวัดกรรมพลังงาน (Smart Energ) และการบริหารจัดการสาธารณูปโภค เช่น การบริหารจัดการแหล่งน้ำ การผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานแสงอาทิต การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน ตลอดจนการนำยานยนค์ไฟฟ้ามาใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลนครภูเก็ดให้เป็นเมืองอัฉริยะ (Sman Ci9) และเมืองต้นแบบด้าน พลังงานสะอาด พร้อมก้าวสู่เมืองท่องเที่ยวมานาชาติ ควบคู่กับการเป็นเมืองที่นำอยู่และนำเรียนรู้ระคับโลก

วันนี้ (5 เม.ย.) ที่โรงแรม Courtyard by Marriott Phuket Town นายณรงค์ วุ่นจิ๋ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึก ข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมพลังงาน (Smart Energy) และการบริหารจัดการสาธารณูปโภค ภายในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลนครภูเก็ต ระหว่าง เทศบาลนครภูเก็ต โดย นายสาโรงน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดย ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัดกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงาน ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน

สำหรับการลงนามบันทึกความร่วมมือการศึกษาและพัฒนานวัตกรรมพลังงาน (Smart Energy) และการบริหารจัดการสาธารณูปโภคภายในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลนครภูเก็ต มี 2 เรื่องด้วยกัน คือ การศึกษาและพัฒนานวัตกรรมพลังงาน ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ขุมน้ำของเทศบาลนครภูเก็ต 2-3 แห่ง ด้วยแผงโซลาร์เซลล์ และการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถ EV มาส่งเสริมการท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อให้พื้นที่ในเขตเทศบาลนครภูเก็ตเป็นเมืองต้นแบบพลังงานสะอาด ตอบรับเทรนด์สังคมคาร์บอนต่ำ

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากความมุ่งมั่นในการดำเนินเพื่อรักษาเสถียรภาพทางด้านพลังงานให้ประเทศไทยแล้ว ปตท.ยังคงเดินหน้าในการแสวงหานวัตกรรมเพื่อสร้างความมั่งคงด้านพลังงานแห่งอนาคต จึงเป็นโอกาสดีที่กลุ่ม ปตท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต ในการนำความรู้ด้านพลังงานมาร่วมสนับสนุนจังหวัดภูเก็ตที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ในการศึกษาและพัฒนาโครงการนวัตกรรมทางด้านพลังงาน ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) ระบบกักเก็บพลังงาน (EnergyStorage) อีกทั้ง กลุ่ม ปตท.ยังสามารถเสริมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า ผ่านการสนับสนุนให้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า (EV) การติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ครอบคลุมในพื้นที่ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคครัวเรือน ธุรกิจ การคมนาคมและการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาเทศบาลนครภูเก็ตให้ก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้นแบบด้านพลังงานสะอาด ตอบรับเทรนด์สังคมคาร์บอนต่ำ และสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ชุมชนอื่นๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

ด้าน นายสาโรจน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือกับ ปตท.ในครั้งนี้นั้น เป็นความร่วมมือใน 2 เรื่องหลักๆ คือ การพัฒนาการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนด้วยพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครภูเก็ต โดยยานยนต์ไฟฟ้า โดยการศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการนำไฟฟ้า (รถ EV) มาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่าภูเก็ต ซึ่งอาจจะเป็นรถเหมือนกับที่ใช้กันในต่างประเทศตามเมืองดังๆ หากสามารถทำได้ จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะย่านเมืองเก่าสะดวกและมีสีสันมากขึ้น รวมทั้งเป็นการลดมลพิษอีกด้วย

และอีกหนึ่งโครงการเป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ ด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ในขุมน้ำของเทศบาลนครภูเก็ต 2-3 แห่ง และนำกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้มาใช้ในการสูบน้ำผลิตน้ำประปา โดยคาดว่าจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 10 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอในการสูบน้ำ

“เทศบาลนครภูเก็ตพร้อมที่จะให้การสนับสนุนร่วมมือกับ ปตท. ในการดำเนินโครงการต่างๆ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเทศบาลนครภูเก็ต และ ปตท.ที่จะร่วมกันศึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงาน โดยมุ่งหวังให้การพัฒนาเศรษฐกิจและการบริหารจัดการค้านสาธารณูปโภคเกิดความสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งประชาชนในเขตเทศบาลนครภูเก็ตมีคุณภาพชีวิตที่ดี”