ต้องรอดู!! ภูเก็ตประกาศปักธง ความเป็นกลางทางคาร์บอน 2030 ประเดิม  ตั้งเป้าลด 30% ภายใน 1 ปี

โพสเมื่อ : Friday, February 2nd, 2024 : 11.18 am

 

มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยงยั่งยืน ร่วมกับชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ภายใต้ การสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศปักธง ความเป็นกลางทางคาร์บอน ย่านเมืองเก่าภูเก็ต  

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. มูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยงยั่งยืน ร่วมกับชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ประกาศปักธง ความเป็นกลางทางคาร์บอน 2030 ประเดิม ย่านเมืองเก่า ตั้งเป้าลด 30% ภายใน 1 ปี ภายใต้ การสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยมีนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ ประธานชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 15 กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว โครงการความเป็นกลางทางคาร์บอน เมืองเก่าภูเก็ต  ณ ศูนย์การค้าไลม์ไลท์ ภูเก็ต

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนกล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศต่อหน้าประชาคมโลกในการประชุม COP 26 ว่า จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และบรรลุคาร์บอนสุทธิในปี 2065 นั้น จังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้เริ่มมีการประสานงานและวางแผนในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุผล และได้เริ่มต้นในการดำเนินการในพื้นที่ถนนถลางเพื่อศึกษาและประยุกต์รูปแบบก่อนที่จะขยายผลไปในพื้นที่ต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต โดยได้ร่วมมือกับชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานสิ่งแวดล้อม และควบคุมมลพิษที่ 15 กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ในการดำเนินการ ทั้งนี้ได้เริ่มต้นศึกษาปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์อันเกิดจากแหล่งปล่อยสำคัญ 4 แหล่ง ได้แก่ จากยานพาหนะ จากน้ำเสีย จากปริมาณการใช้ไฟฟ้า และจากปริมาณขยะ และจะดำเนินการปรับลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์จากแหล่งทั้ง 4 แหล่งให้ได้ 30% ภายใน 12 เดือน โดยจะมีการวัดผลทุก ๆ 3 เดือน

 

“มูลนิธิฯ จะนำถุงขยะ 4 สี แจกให้กับชุมชนย่านเมืองเก่า เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยและประกอบกิจการในถนนถลางได้ร่วมมือกันแยกขยะอย่างเข้มขัน โดยทางเทศบาลนครภูเก็ตจะดำเนินการจัดเก็บตามปกติ และแยกส่วนขยะอินทรีย์ที่ใส่ถุงเขียวไว้ต่างหาก และองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจะดำเนินการรับขยะอินทรีย์ไปแปรสภาพเป็นสารปรับปรุงดินต่อไป และถุงสีชมพูจะจัดไว้ให้ผู้ประกอบการได้ตักไขมันจากถุงดักไขมันไว้ เพื่อให้บ่อบำบัดน้ำเสียรวมของเทศบาลนครฯสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพน้ำในคลองบางใหญ่ที่จะดีขึ้น สามารถปรับคลองบางใหญ่มาใช้เป็นสถานที่นันทนาการได้ตามยุทธศาสตร์ของเทศบาลนครฯ ต่อไป”

 

นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมแถลงว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้วางยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมไว้หลายโครงการ และ ถือว่าสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยปัจจุบันองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้จัดสรรงบประมาณเครื่องแปรสภาพขยะอินทรีย์เป็นสารปรับปรุงดิน มีความสามารถในการรองรับ 5 ตันต่อวัน โดยได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง และวางแผนในการจัดสรรงบประมาณจัดหาเครื่องแปรสภาพขยะอินทรีย์เป็นสารปรับปรุงดินประจำพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแยกขยะอินทรีย์ออกจากขยะทั่วไป และช่วยในการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการจัดการขยะอินทรีย์

นายประสิทธิ์ สินเสาวภาคย์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครภูเก็ต ได้กล่าวว่า ก การแยกขยะอินทรีย์จากต้นทางได้ และนำไปแปรสภาพให้เกิดประโยชน์เป็นกระบวนการที่ถูกต้องและเหมาะสมอย่างมาก ทั้งนี้ปัจจุบันเทศบาลนครภูเก็ตได้ดำเนินการแยกการจัดเก็บขยะอินทรีย์อยู่แล้ว และการที่ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตและมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนได้ดำเนินการจัดการแยกขยะอินทรีย์ใส่ถุงสีเขียวจะทำให้การเก็บขยะของเทศบาลนครภูเก็ตสะดวกรวดเร็วขึ้น

 

 

รศ.ดร. ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ได้กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจของสถาบัน คือการบูรณาการข้อมูลจากรัฐและเอกชนเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงวิเคราะห์ ซึ่งที่ผ่านมา ทาง BDI ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในด้านการสาธารณสุข ท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อม   โดยหนึ่งในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของเราคืองานที่เมืองเก่าของภูเก็ตในวันนี้  ทาง BDI ได้ร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยงยั่งยืน เทศบาลนครภูเก็ต ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยลด การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ของถนนคนเดินในเขตเมืองเก่าให้ได้มากที่สุดในขณะที่ยังให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม

 

 

 

นายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ ประธานชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองเก่าภูเก็ต ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยได้รับข้อมูลว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกย่านเมืองเก่าในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ช่วงเวลา 08.00-17.00 น. เฉลี่ยวันละ 10,000 คน และช่วงหลาดใหญ่วันอาทิตย์ระหว่างเวลา 17.00-22.00 น. กว่า 33,000 คน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชุมชนย่านเมืองเก่าเริ่มกังวลคือ การที่ยานพาหนะที่รับส่งนักท่องเที่ยวมักติดเครื่องยนต์รอนักท่องเที่ยว ทำให้ควันเสียจากยานพาหนะได้ส่งผลต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย และนักท่องเที่ยวที่เดินชมเมืองเก่าเอง จึงอยากวิงวอนให้ทางผู้ประกอบการด้านการขนส่งได้กรุณาส่งนักท่องเที่ยวในจุดส่ง และจอดรถในบริเวณที่เทศบาลนครภูเก็ตได้จัดสรรให้