เจ้าท่า ล็อคเรือก่อเหตุ ห้ามออกจากท่าแล้วยังไร้วี่แววฉลามวาฬที่ถูกจับ

โพสเมื่อ : Monday, May 21st, 2018 : 12.28 pm

เจ้าท่า ล็อค แล้วเรือประมงอวนลากคู่ แสงสมุทร 3 – แสงสมุทร 2 หลังถูกแจ้งความดำเนินคดี นำฉลามวาฬขึ้นบนเรือ ก่อนปล่อยกลับลงทะเล ป้องกันนำเรือออกจากจุดจอด ขณะที่ประมงระบุหลังปล่อยฉลามว่ายน้ำได้เอง จนถึงขณะนี้ยังไร้วี่แววซาก และ ตัวเป็น

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ภาพและคลิปทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์เรือประมงแสงสมุทร 3 ซึ่งเป็นเรืออวนลาก นำฉลามวาฬขนาดใหญ่ขึ้นมาบนเรือประมง และได้ปล่อยลงทะเลไปแล้ว แต่หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของสำนักงานประมง จึงได้รวบหลักฐานแจ้งลงบันทึกประจำวัน และร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสืบสวน

ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66 พ.ร.ก.การประมง.พ.ศ.2558 ประกอบประกาศกระทรวงเกษตรฯ เรื่องกำหนดชนิดสัตว์น้ำที่เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์น้ำที่หายากหรือใกล้สูญพันธ์ที่ห้ามจับหรือนำขึ้นเรือประมง พ.ศ.2559 ข้อ 2 (4) ปลาฉลามวาฬ เพื่อดำเนินคดีกับนายสมสมัย มีจอม และนายรัตนา พรหมงาม และผู้กระทำผิด จนกว่าคดีจะถึงที่สุด 3 ได้สั่งดำเนินการกักเรือ ยึดสัตว์น้ำและเครื่องมือ

โดยกรมประมงได้ประสานไปยังกรมเจ้าท่าเพื่อดำเนินการล็อคเรือ ตามคำสั่ง คสช.22/2560 ข้อ 22 ที่ระบุว่ากรณีมีหลักฐานอันเชื่อได้ว่าเรือประมงลำใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ให้พนักเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งพบการกระทำความผิดสั่งกักเรือไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ล่าสุด วันนี้ ( 21 พ.ค.) ที่แพแสงอรุณ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็น จุดจอดเรือประมงแสงสมุทร 3 – แสงสมุทร 2 ทางไปท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสาคร ปูดำ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงาน เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต  ร่วมกันทำการล็อคและทาสีเรือเป็นสัญลักษณ์ว่า เรือทั้ง 2 ลำ ถูกล็อค และ ห้ามออกจากจุดเรือ ตามที่ได้รับแจ้งจากกรมประมง ที่ออกคำสั่งกักเรือ และให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 3 วัน

ขณะที่ นายโกวิท เก้าเอี๊ยน ประมงจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเรือประมงนำฉลามวาฬขึ้นบนเรือ ในโครงการผู้ว่าพบสื่อมวลชน ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ตว่า ขณะนี้ในส่วนของสำนักงานประมงได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี และสั่งกักเรือรวมทั้งสัตว์น้ำทั้งหมดไว้แล้ว จนกว่าคดีนี้จะสิ้นสุด รวมทั้งแจ้งให้ทางเจ้าท่าดำเนินการล็อคเรือ ส่วนการดำเนินคดีนั้นขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนกรณีมี่มีการระบุว่ามีไข่ หรือลำไส้หลุดออกมาจากตัวฉลามวาฬ ในขณะที่เรือประมงปล่อยกลับลงทะเลนั้น นายโกวิท กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าสิ่งที่ตกลงมาเป็นอะไร เพราะจากการสอบถามไปยังนักวิชาการเองก็ไม่ยืนยันว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะภาพที่เห็นไม่ชัด ส่วนฉลามวาฬที่ปล่อยลงทะเลยังอยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ายังมีชีวิตหรือไม่ แต่ทราบว่าหลังจากมีการปล่อยฉลามก็ว่ายน้ำลงไปในทะเลได้ และ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการพบซากแต่อย่างใด

สำหรับบทลงโทษผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.ประมง 2558 ตามมาตรา 66 คือ ปรับสามแสนถึงสามล้านบาท หรือปรับมูลค่า 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่จับหรือนำขึ้นเรือประมงแล้วแต่ว่าจำนวนใดจะสูงกว่ากัน ขณะเดียวกัน เรือดังกล่าวต้องถูกพิจารณาถอนใบอนุญาตการทำประมงตามมาตรา 39 และไม่สามารถขอใบอนุญาตการทำประมงได้อีก ถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดจริง

อย่างไรก็ตามนอกจากทางสำนักงานประมงจะแจ้งความดำเนินคดีแล้วในส่วนของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม กับนาย สมสมัย มีจอม อายุ 55 ปี ชาว จ.ยโสธร ไต๋ก๋งเรือ แสงสมุทร 3 และ นายรัตนา พรหมงาน ผู้ควบคุมเรือ แสงสมุทร 2 และลูกเรือประมงทั้ง 2 ลำ ด้วยเช่นกัน ในข้อกล่าวหา ร่วมกันล่าหรือ พยายามล่าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการ