สอบ 15 นาย ตร.ไม่ส่งผู้ต้องหาต่างด้าว ให้ตม. ด้านปัญหาส่วยตั้งกรรมการสอบแล้ว

โพสเมื่อ : Friday, November 10th, 2017 : 2.42 pm

ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 15 นายตำรวจในภูเก็ต ไม่นำส่งคนต่างด้าวที่คดีสิ้นสุดให้ด่านตรวจคนเข้าเมือง ผลักดันออกนอกประเทศ พบมีสูงถึง 142 ราย ขณะนี้ปัญหาส่วย จเรตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบ ตร.ภูธร ภาค 8 ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เผยมีนายตำรวจที่เข้าข่ายถูกร้อง 5 – 6 นาย ตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลงมา

พล.ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีให้แต่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจำนวน 15 นาย กรณีสงสัยว่าจะกระทำผิดวินัยราชการ เนื่องจากไม่มีการส่งมอบตัวคนต่างด้าวที่ถูกดำเนินคดีต่างๆและคดีถึงที่สุดแล้วให้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ตเพื่อผลักดันออกนอกประเทศ ว่า

 

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2560 ที่ผ่านมา ทางตำรวจภูธรภาค 8 ได้ มีคำสั่งที่ 505/2560 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีสงสัยว่าจะกระทำผิดวินัย เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีหนังสือมาถึงตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบข้อมูลคนต่างด้าวซึ่งต้องหาคดีอาญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.59-31 ต.ค.60 ว่า มีจำนวนกี่คดี คดีเกี่ยวกับอะไร รวมถึงผู้เสียหายและผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ในการตรวจสอบจะต้องระบุเลข คดี ผู้ต้องหา วันเวลาที่เกิดเหตุ รวมทั้งชื่อของพนักงานสอบสวน

 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พบว่า ในรายงานของตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองพบว่าผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว จำนวน 142 ราย ไม่มีหลักฐานการรับตัวผู้ต้องหาของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ตแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการไม่ปฎิบัติตามหนังสือสั่งการของตำรวจแห่งชาติ กรณีคนต่างด้าว หลังจากตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีนายตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนใน สภ.ต่างๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จำนวน 15 ราย จึงมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด โดยมี พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เป็นประธาน มีระยะเวลาในการสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นระยะเวลา 7 วัน อย่างไรก็ตามการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในครั้งนี้ก็เพื่อสืบสวนหาที่มาที่ไปทั้งกรณีที่เกิดขึ้น ว่าทำไมถึงไม่มีการรับมอบตัวผู้ต้องหาต้องหาของตำรวจด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต

 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ธีรพล ยังได้กล่าวต่อถึงกรณีมีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเรียกรับส่วยที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ว่า เรื่องดังกล่าวทางผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบและสืบสวนข้อเท็จจริงเช่นกัน ในกรณีถ้ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องมีการดำเนินเฉียบขาด รวมทั้งในกรณีที่เป็นบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนและจับกุมดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ส่วนกรณีของผู้เสียหาก็สามารถมาแจ้งข้อเท็จจริง หรือไปไปฟ้องร้องดำเนินคดีเองก็ได้

 

ให้ถูกต้องแต่ไม่กระทบกับการท่องเที่ยว  ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ให้นโยบายในการดำเนินการ ว่า การดำเนินการอะไรก็ตามจะต้องเข้าไปให้คำแนะนำในส่วนของประกอบการ หากไม่ปฏิบัติตามก็ต้องดำเนินการไปตามที่ถูกที่ควร เพื่อไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว

 

พล.ต.ต.ธีรพล กล่าวต่อไปว่า ในกรณีสถานบันเทิงของจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะป่าตองเคยมีการพูดคุยกันเรื่องเปิดถึงตี 3 แต่มีบางร้านที่ยังเปิดจนถึงตี 5 ซึ่งกรณีดังกล่าวกลายเป็นช่องว่าง ให้ผู้มีอำนาจและผู้กระทำความผิดมีการเรียกรับผลประโยชน์กันได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทราบว่าขณะนี้ทางจเรตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว เช่น เดียวกับตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งในเบื้องต้นมีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกร้องเรียน 5 – 6นาย ตั้งแต่ ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และนายตำรวจในพื้นที่ป่าตอง ซึ่งขณะนี้มีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการแล้ว 2 ราย