นศ.หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข ร่วมหาทางออกแก้ปัญหาให้เมืองป่าตอง

โพสเมื่อ : Wednesday, December 18th, 2019 : 1.17 pm

นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่ 10 จัดเสวนา ” หัวข้อ “ป่าตองเมืองท่องเที่ยวสันติสุขอย่างยั่งยืน” เพื่อหาทางออกจากสารพัดปัญหา ให้เมืองป่าตอง หวังส่งเสริมการท่องเที่ยวแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมภูเก็ตเกรซแลนด์ รีสอร์ทแอนด์สปา นักศึกษาประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่ 10 สถาบันพระปกเกล้า ได้จัดให้มีเสวนาระดมความคิดเห็นในหัวข้อ “ป่าตองเมืองท่องเที่ยวสันติสุขอย่างยั่งยืน” ขึ้น โดยมีคณะนักศึกษา นำโดย นายอภินันท์ ตั้งศรีอนุกุล อาจารย์กำกับหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข สถาบันพระปกเกล้า  ผศ.ดร.ภัธทรา โต๊ะบุรินทร์ ตัวแทนนักศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่  10  สถาบันพระปกเกล้า มีภาคประชาสังคมประชาชน ผู้ประกอบการนักวิชาการและนักธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์กว่า 200 คน

สำหรับการจัดเวทีในครั้งนี้ นายอภินันท์ ตั้งศรีอนุกุล อาจารย์กำกับหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูง การเสริมสร้างสังคมสันติสุข สถาบันพระปกเกล้า  ผศ.ดร.ภัธทรา โต๊ะบุรินทร์ ตัวแทนนักศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่นที่  10  สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การจัดเวทีเสวนาในครั้งนี้สืบเนื่องจากนักศึกษาของทางสถาบันได้ลงพื้นที่มาเก็บข้อมูลพบว่าเมืองภูเก็ตเมืองป่าตองเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความเจริญ เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากมาย แต่ท่ามกลางความเจริญที่เกิดขึ้นกลับพบว่าเมืองป่าตองต้องแบกรับปัญหาต่าง ๆจำนวนมากเช่นกัน ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาจะทำในลักษณะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างพูด ยังไม่มีคนกลางที่จะเข้ามาเชื่อมเพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ ทางนักศึกษาจึงอาสาที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ขึ้น จึงได้จัดให้มีเวทีการเสวนา ในหัวข้อ “ป่าตองเมืองท่องเที่ยวสันติสุขอย่างยั่งยืน” ขึ้น เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างศึกษาและเป็นโมเดลในการดำเนินการกับเมืองอื่น ๆ ต่อไป

เพราะเชื่อว่าการแก้ปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นในป่าตองถ้าทุกภาคส่วนมานั่งพูดคุย หารือกัน ร่วมมือกัน จับมือกัน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะนำพาเมืองป่าตองหลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้า ซึ่งเป็นการเปิดเวทีเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันนำเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาของท้องถิ่น เพราะเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถที่จะแก้โดยใครคนใดคนหนึ่งได้ แต่การแก้ปัญหาที่ประสบความสำเร็จจะต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพราะเป็นปัญหาของทุก ๆ คนที่อยู่ในพื้นที่

อย่างไรก็ตามจากการศึกษาและเก็ยข้อมูลพบว่าปัญหาของป่าตองมีหลายอย่าง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับจากการลงพื้นที่พบปะกับผู้ประกอบการ ภาคประชาชน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าปัญหาแรกที่ได้รับการสะท้อนจากทุกภาคส่วนคือ ปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง รวมทั้งปัญหากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาจากเดิมที่เคยเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ แต่ปัจจุบันพบว่ากลุ่มดังกล่าวหายไป และเราได้นักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อลดลงเข้ามาแทน ซึ่งปัญหานักท่องเที่ยวเป็นปัญหาใหญ่ ที่จะต้องหาทางแก้ไข

ส่วนปัญหาอื่นๆ ก็มีหลายปัญหา เช่น ปัญหาการจราจร เนื่องจากป่าตองมีข้อจำกัดในเรื่องของเส้นทางที่จะเข้าป่าตอง ทำให้การเดินทางไม่สะดวก การสัญจรไปมาต้องใช้เวลานาน ทำให้ระบบขนส่งมีปัญหา เมื่อระบบขนส่งมีปัญหาก็ย่อมส่งผลกระทบไปในทุก ๆ เรื่อง แม้แต่เรื่องของการรักษาพยาบาลการส่งต่อคนป่วยบางครั้งก็ไม่สะดวก ถ้าเกิดอุบัติเหตุถนนเป็นอัมพาตไม่สามารถที่จะเลี่ยงไปทางใหนได้ ปัญหาต่อมาคือปัญหาเรื่องขยะซึ่งป่าตองเป็นเมืองที่มีปริมาณขยะจำนวนมากแม้ที่ผ่านมาทางท้องถิ่นเองจะพยายามแก้ปัญหา มีการจัดเก็บที่ดีแต่ก็ยังมีปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ปัญหาเรื่องน้ำอุปโภคบริโภคที่ขาดแคลน

และปัญหาสำคัญอีกปัญหาคือปัญหาประชากรแฝง ที่มีอยู่จำนวนมาก ทั้งคนที่เข้ามาทำงาน และนักท่องเที่ยวทำให้ระบบสาธารณูปโภคที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับความต้องการ งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรก็จะได้ตามจำนวนประชาชนที่มีอยู่ในทะเบียนราษฎร์เท่านั้น ซึ่งป่าตองเป็นเมืองที่ทำรายได้ให้กับประเทศมหาศาลแต่รายได้ที่ส่งกลับมามีเพียงน้อยนิด ทางคนป่าตองคนภูเก็ตเองจึงพยายามที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่ที่ผ่านมาต่างคนต่างทำแต่ยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆได้เป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดเวทีในครั้งนี้ก็หวังว่าจะมีข้อสรุปร่วมกันในการกำหนทิศทางการแก้ปัญหาให้กับเมืองป่าตอง หลังจากนี้ก็จะรวมรวมแนวทางในการนำเสนอของทุกภาคส่วนไปจัดเสวนาในระดับประเทศต่อไป เพื่อสื่อไปยังหน่วยงานระดับบนให้เห็นถึงปัญหาและข้อจำกัดร่วมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาที่คนในพื้นที่ได้ร่วมกันคิดวิเคราะห์มาแล้ว นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง

ส่วนเวทีเสวนา มีผู้แทนภาครัฐ ผู้ประกอบการและภาคประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ประกอบด้วย นายศุภชัย  หวานดี ผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 2 จ.ภูเก็ต  พรรคพลังประชารัฐ , นายสุธี ศิริอนันต์ ปลัดอำเภอกระทู้ จ.ภูเก็ต , นายพูนศักดิ์ นาคเสนา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองป่าตอง, นายธวัช ธรรมดี ตัวแทนชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อยในป่าตอง , นายราชินทร์ ทองมากกุล  ตัวแทนผู้ประกอบการ ดำเนินรายการโดย นางณาตยา แวววีรคุปต์  จาก Thai PBS  และ ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรจน์ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักบริหารนโยบาย ของนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงาน

โดยบนเวทีเสวนาได้มีการตกผลึกความคิด ในมาตรการส่งเสริมให้ป่าตองเป็นเมืองท่องเที่ยวสันติสุขอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย อยากให้ภาครัฐจัดกิจกรรมท่องเที่ยวระดับโลกที่ภูเก็ต เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ทำรายได้ให้ประเทศกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี  แต่ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังทดถอยอย่างรุนแรง สาเหตุเนื่องจากข้อกฎหมายบางประการที่ปิดกั้น  การอำนวยความสะดวกของนักท่องเที่ยว  ซึ่งถือเป็นกลุ่มประชากรแฝง ที่ทำรายได้หลัก มีการเรียกร้องให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตปกครองพิเศษ  ให้ภาคประชาชนผู้ประกอบการและท้องถิ่นได้ปกครองตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีปฏิบัติตามสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ จะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกระดับทั้งเรื่องของร่มชายหาด ร้านนวดรวมไปถึงสถานบริการบนถนนคนเดิน  ที่ควรจะให้เปิดได้นานขึ้น ตามความต้องการของนักท่องเที่ยว