ท่องเที่ยวภูเก็ตไม่กระทบผู้ประกอบการจับมือเฝ้าระวังความปลอดภัย

ท่องเที่ยวภูเก็ตไม่กระทบผู้ประกอบการจับมือเฝ้าระวังความปลอดภัย

ท่องเที่ยวภูเก็ตไม่กระทบหลังระเบิดป่วนป่าตอง ผู้ประกอบการพร้อมร่วมมือดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ทำคู่มือแจก – ติดกล้องCCTV เพิ่มด้านนอกสถานประกอบการ 

นายสถิรพงศ์ ณ ตะกั่วทุ่ง นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์ การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต หลังเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพื้นที่อื่นๆอีกหลายจังหวัด ว่า หลังเกิดเหตุใหม่ๆ มีผลกระทบกับการท่องเที่ยวเล็กน้อยมีการยกเลิกการจองห้องพักบ้าง แต่หลังจากเกิดเหตุไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ เหตุการณ์ ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ การยกเลิกห้องพักก็หยุดไป นักท่องเที่ยวออกมาท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวตามปกติ แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของการป้องกันและการสร้างความเข้าใจให้กับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยกันดูแลความปลอดภัย จะต้องมีการอบรมคนในปกครองให้หัดสังเกตสิ่งผิดปกติ การปฏิบัติตนเมื่อพบสิ่งของต้องสงสัย เพราะปัจจุบันนี้จะรอให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ทุกคนจะต้องช่วยกันมาทำงานและร่วมกันดูแลบ้านเมืองของตัวเองด้วย

การท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่จะต้องเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้เกิดพลกระทบ การที่ทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมแรงกันในการปกป้องการท่องเที่ยวของจังหวัดก็จะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่เราจะต้องสามัคคีกันเท่านั้นและจะต้องร่วมด้วยช่วยกันดูแลการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งหมด สำหรับสิ่งที่ผู้ประกอบการร่วมกันดำเนินการหลังเกิดเหตุการณ์ คือ การทำคู่มือแจกให้และให้ความรู้ผู้ประกอบการรวมทั้งพนักงานให้รู้จักวิธีสังเกตสิ่งผิดปกติ รวมทั้งข้อปฏิบัติกรณีพบส่งของต้องสงสัย หรือบุคคลต้องสงสัย 

นายสถิรพงศ์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์ท่องเที่ยว ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าจะเป็นช่วงโลซีซั่น แต่อัตราการเข้าพักยังอยู่ที่ 70 – 80 % กลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งก็ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน รองลงคือรัสเซีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ตลาดรัสเซียเริ่มกลับมา โดยในปีนี้มีการเพิ่มสายการบินบินตรงจากรัสเซียมาหลายสายการบินด้วยกัน ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตคึกคักมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ดร.กฤษฎา ตันสกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มีไม่เพียงพอในการที่จะดูแลความปลอดภัยทั้งหมด ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สิ่งที่ทางผู้ประกอบการในพื้นที่ช่วยได้และมีการหารือร่วมกันแล้วคือการขอความร่วมมือผู้ประกอบการในพื้นที่ช่วยกันติดกล้องวงจรปิด โดยให้หันกล้องออกมาด้านนอก อย่างน้อย 1 จุดในแต่ละสถานประกอบการซึ่งจะช่วยภาครัฐในการดุแลความปลอดภัยในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น