ขนส่งภูเก็ต ร่วม ตร.ท่องเที่ยว ตรวจมิเตอร์แท็กซี่ถูกผู้โดยสารโพส พบปกติ
โพสเมื่อ : Sunday, December 4th, 2016 : 2.18 pm
ขนส่งจังหวัดภูเก็ต ร่วมตำรวจท่องเที่ยว เรียกคนขับแท็กซี่มิเตอร์ถูกผู้โดยสารถ่ายคลิปโพสต์ในโลกโซเชียล ระบุ 5 นาที มิเตอร์ขึ้น 110 บาท มาตรวจสอบ ผลตรวจพบมิเตอร์ขึ้นปกติ ไม่มีร่องรอยการแก้ไขดัดแปลง ขณะที่ล้อยางไม่มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมสั่งปรับในข้อหา ไม่ส่งผู้โดยสารให้ถึงที่หมาย ย้ำคนขับต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ขณะที่คนขับยันไม่คิดโกงผู้โดยสารไม่มีการแก้ไขดัดแปลงมิเตอร์แน่นอน
วันนี้ ( 4 ธ.ค.) ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต นายประไพ สวนกุล หัวหน้ากลุ่มวิชาการ สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้เชิญตัวนายปรีชา ช่อแตง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 /3 หมู่ 4 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่มิเตอร์ เหลือง-แดง ป้ายทะเบียน ทข 297 ภูเก็ต นำมิเตอร์รถแท็กซี่ มาตรวจสอบรวมทั้งตรวจสอบสภาพยางรถว่ามีการแก้ไขดัดแปลง หรือไม่ โดยมี พ.ต.ท.นฤวัต พุทธวิโร สว.ส.ทท.2 กก.5 บก.ทท. และร.ต.อ.เอกชัย ศิริ รอง สว.ส.ทท.2 กก.5 บก.ทท. ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งร่วมตรวจสอบ หลังนายปรีชา ซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่มิเตอร์ที่ถูกผู้โดยสารถ่ายคลิปวีดีโอ ขณะรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และคนไทย ออกจากสนามบินเพื่อไปส่งโรงแรมที่พักในพื้นที่กะตะ ต.กะรน และ มีการโพสต์คลิปการสนทนา และภาพของมิเตอร์ภายในรถขึ้น เฟซบุ๊ค ชื่อ “ Tarn Charinrat”
โดยมีการระบุข้อความ ว่า มันเป็นแบบนี้หรอมิเตอร์ที่ภูเก็ต ใครรู้ช่วยบอกที???? เราแค่ถามเขาว่า: พี่มิเตอร์เป็นแบบนี้หรอ? โอ้โหพี่เขาโมโหมาก บอกว่าจะกลับไปส่งที่สนามบินใหม่ ถ้ามันเป็นแบบนี้จะโมโหทำไม???? ออกมายังไม่ถึง5นาที ปาไป110 บาทละ สุดท้ายพี่แกส่งไปสนามบินใหม่ เปลี่ยนคัน ละมีผู้หญิงที่ขายตั๋วแท็กซี่ เดินมาละคุยกะพี่คนขับแท็กซี่ ได้ยินประโยคนึง:ไม่ต้องสนใจหรอก รำคานพวกนี้!! เอ้าพวกกูผิด???
อย่างไรก็ตามในการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบการติดตั้งมิเตอร์ภายในรถ และตัวมิเตอร์ว่ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะถ้ามีการแก้ไขดัดแปลง ตัวซีลที่ประกอบมิเตอร์ก็จะหลุดออก ซึ่งจากการตรวจสอบภายนอกพบว่ามิเตอร์ยังอยู่ในสภาพปกติ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำมิเตอร์ไปตรวจสอบกับอุปกรณ์เทียบเคียง เพื่อตรวจสอบการวิ่งของตัวมิเตอร์ ประมาณ 4 กิโลเมตรพบว่าการวิ่งของมิเตอร์ปกติ นอกจากนั้นยังมีการตรวจสอบยางรถ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากที่ขออนุญาตไว้หรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่าล้อยางของรถคันดังกล่าวเป็นไปตามที่ขออนุญาตไว้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
นายประไพ กล่าวภายหลังการตรวจสอบมิเต อร์ของรถแท็กซี่คันดังกล่าว ว่า หลังจากทราบเรื่องจากเฟซบุ๊ค และมีข่าวออกมา ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต โดยผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ตนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ทันทีเพราะภาพที่ออกไปส่งผลในทางไม่ดีกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต วันนี้จึงได้เรียกแท็กซี่มิเตอร์คันที่เกิดเหตุนำรถและมิเตอร์มาตรวจสอบที่สำนักงานขนส่ง โดยเชิญทางตำรวจท่องเที่ยวมาร่วมตรวจสอบด้วยเพราะเหตุที่เกิดขึ้นมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยเพื่อที่ทางตำรวจจะได้นำข้อมูลข้อเท็จจริงในการตรวจสอบไปแจ้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบต่อไป
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่ามิเตอร์ของรถแท็กซี่คันดังกล่าวขึ้นตามปกติ ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต นั้นได้มีการประกาศใช้ราคามิเตอร์ที่แตกต่างกับกรุงเทพ โดยสตาร์ท 2 กิโลเมตรแรก 50 บาท หลังจากกิโลเมตรที่ 2 ถึงกิโลเมตรที่ 15 กิโลเมตรละ 12 บาท หลังจากกิโลเมตรที่ 15 เป็นต้นไปอยู่ที่กิโลเมตรละ 10 บาท นอกจากนั้นยังมีค่าเซอร์วิสชาร์ตอีก 100 บาท ซึ่งจากการตรวจมิเตอร์ และขนาดขอบล้อรถ พบว่าปกติทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตามทางตนก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนในส่วนของคนขับรถ ขอให้ยึดหลักและปฏิบัติตามกฎของผู้ประกอบการรถแท็กซี่ทุกอย่าง ทั้งเรื่องของการแต่งกายที่จะต้องถูกต้องตามระเบียบ การพูดจากับนักท่องเที่ยวจะต้องให้บริการด้วยความสุภาพอ่อนโยน ต้อนรับผู้โดยสารให้เหมือนญาติจะต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี
สำหรับในส่วนของคนขับรถแท็กซี่รายดังกล่าวจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการดัดแปลงแก้ไขมิเตอร์ก็จริง แต่จากการตรวจสอบพบว่าไม่นำผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางถือว่ามีการกระทำความผิด จึงได้เปรียบเทียบปรับ จำนวน 1,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สาคู ก็ได้มีการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว 1,000 บาท ในข้อหา ไม่ส่งผู้โดยสารให้ถึงที่หมาย ซึ่งการให้บริการรถแท็กซี่มิเตอร์ถือว่าเป็นทางเลือกที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ แต่ถ้ามีข่าวไม่ดีออกไปก็อาจจะส่งผลกระทบได้
ขณะที่นายปรีชา กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดที่จะคดโกงผู้โดยสาร ซึ่งวันที่เกิดเหตุตนได้ขับรถไปรับผู้โดยสาร ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ โดยมีผู้สารจำนวน 4 คน เป็นคนไทย 2 คน และต่างชาติ 2 คน เมื่อรับผู้โดยสารขึ้นรถก็ได้บอกผู้โดยสารว่าให้ปิดประตูรถเบาๆ และขับออกจากท่าอากาศยานภูเก็ตโดยมีการกดมิเตอร์ตามปกติ ขับไประยะหนึ่งผู้หญิงคนไทยก็ได้พูดว่ามิเตอร์ขึ้นเร็วแบบนี้เป็น 1,000 แน่ แต่ตนก็บอกว่าไม่ถึง และมีการพูดกันหลายประโยค จนตนคิดว่าถ้าผู้โดยสารไม่สบายใจก็จะพากลับไปที่สนามบินเพื่อให้ใช้รถคันอื่น จึงบอกไปว่าจะพากลับไปที่สนามบิน และตนก็นำนักท่องเที่ยวทั้งหมดกลับมาที่สนามบินโดยไม่เรียกเก็บค่าโดยสาร ซึ่งตนขับรถมาประมาณ 20 ปีแล้ว อยากขอความเป็นธรรมเช่นกัน เพราะมิเตอร์ของตนขึ้นตามปกติ ไม่มีการดัดแปลงแก้ไขให้เร็วขึ้นแต่อย่างใด ตอนนี้ตนกลายเป็นคนร้ายไปแล้วในสายตาของคนอื่น จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย
- รพ.สต.ศรีสุนทร สังกัด อบจ.ภูเก็ต ต้อนรับคณะศึกษาดูงาน TO BE NUMBER ONE ชุมชนบ้าน...
- จัดแน่ 3 อำเภอ 3 อ. อบจ.ท้าวิ่ง “โครงการประชาชนภูเก็ตสุขภาพดีด้วยวิถี 3 อ....
- ทต.ราไวย์ เปิดทางระบายน้ำจากจากทะเลเข้าสู่หนองน้ำในหาน ปรับระบบนิเวศ...
- อบจ.ภูเก็ต จัดงาน อบจ.ภูเก็ต ดูแลประชาชน ครั้งที่ 2 ประจำปี 2567 ณ ร.ร.วัดเทพกระ...
- อบจ.ภูเก็ต มอบเงินสนับสนุนโครงการคนภูเก็ต ปลูกพืชอาหารปลอดภัยจากสารพิษ ...
- ผบช.ทท.ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์มาตรการ ข้อกฎหมาย กับร้านรถเช่า ในป่าตอง...
- April 2024 (35)
- March 2024 (46)
- February 2024 (36)
- January 2024 (37)
- December 2023 (41)
- November 2023 (33)
- October 2023 (30)
- September 2023 (53)
- August 2023 (53)
- July 2023 (41)
- June 2023 (46)
- May 2023 (48)
- April 2023 (50)
- March 2023 (59)
- February 2023 (61)
- January 2023 (59)
- December 2022 (63)
- November 2022 (64)
- October 2022 (69)
- September 2022 (56)
- August 2022 (59)
- July 2022 (41)
- June 2022 (49)
- May 2022 (60)
- April 2022 (50)
- March 2022 (49)
- February 2022 (40)
- January 2022 (39)
- December 2021 (56)
- November 2021 (51)
- October 2021 (44)
- September 2021 (26)
- August 2021 (31)
- July 2021 (20)
- June 2021 (20)
- May 2021 (17)
- April 2021 (4)
- March 2021 (16)
- February 2021 (20)
- January 2021 (5)
- December 2020 (16)
- November 2020 (18)
- October 2020 (20)
- September 2020 (21)
- August 2020 (15)
- July 2020 (23)
- June 2020 (14)
- May 2020 (8)
- April 2020 (64)
- March 2020 (97)
- February 2020 (48)
- January 2020 (74)
- December 2019 (54)
- November 2019 (49)
- October 2019 (41)
- September 2019 (51)
- August 2019 (61)
- July 2019 (70)
- June 2019 (73)
- May 2019 (81)
- April 2019 (72)
- March 2019 (63)
- February 2019 (70)
- January 2019 (77)
- December 2018 (71)
- November 2018 (84)
- October 2018 (82)
- September 2018 (60)
- August 2018 (88)
- July 2018 (136)
- June 2018 (95)
- May 2018 (99)
- April 2018 (89)
- March 2018 (70)
- February 2018 (83)
- January 2018 (79)
- December 2017 (77)
- November 2017 (87)
- October 2017 (90)
- September 2017 (79)
- August 2017 (111)
- July 2017 (106)
- June 2017 (97)
- May 2017 (77)
- April 2017 (64)
- March 2017 (74)
- February 2017 (62)
- January 2017 (104)
- December 2016 (103)
- November 2016 (106)
- October 2016 (103)
- September 2016 (110)
- August 2016 (132)
- July 2016 (153)
- June 2016 (95)
- May 2016 (124)
- April 2016 (57)
- August 2015 (1)
- June 2015 (2)
- May 2015 (9)
- April 2015 (1)
- March 2015 (2)
- February 2015 (1)