8 องค์กรเอกชนเต้นออกแถลงการณ์ร้องรัฐบาลตระหนักถึงการโยกย้าย-แต่งตั้งผู้ว่าภูเก็ต

8 องค์กรภาคเอกชนภูเก็ตออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงความเหมาะสมของระยะเวลาในการ พิจารณาโยกย้ายและให้ความสำคัญต่อการสรรหาผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีความเหมาะสมกับบริบทที่ซับซ้อน

วันนี้ ( 22 ก.ค.) 8 องค์กรภาคเอกชนในภูเก็ต ประกอบด้วย นายสุรชัย  ชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าภูเก็ต นายชรินทร์ ธำรงเกียรติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต
นายภูริต  มาศวงศ์ศา    ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายธนูศักดิ์  พึ่งเดช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต นายสถิรพงศ์  ณ ตะกั่วทุ่งนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต   ดร.กฤษฎา ตันสกุล  นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้   นางสุพัตรา  จารุอริยานนท์ นายกสมาคมโรงแรมหาดป่าตอง        และ นายกฤษฎา  กาญจนาลัย นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม หาดกะตะ –กะรน ร่วมกันออกหนังสือแถลงการเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต

โดยใจความของแถลงการณ์ระบุ ว่า จังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ มีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 259,290,5000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2550 จำนวน 6 ล้านคน* เพิ่มสูงขึ้นเป็น 12.5 ล้านคนในปี พ.ศ.2558 การลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และอื่นๆ นอกจากนี้ จังหวัดภูเก็ต ยังเป็นเมืองหลัก ในการพัฒนาตามโครงการต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อให้เป็นจังหวัดนำร่อง เช่น MICE City, Marina Hub, Medical Hub, Maritime & Yacht, Smart City และยังได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ ทางด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) เป็นเมืองแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโก

นโยบายการพัฒนาจากภาครัฐมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาการสนับสนุนจากภาครัฐ ในระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคต่างๆ ที่นำเสนอโดยภาคประชาชนและเอกชนในจังหวัดภูเก็ต ทั้งระบบโครงข่ายคมนาคม ที่สอดคล้องกับการเติบโต ของจำนวน นักท่องเที่ยว ระบบขนส่งมวลชน ระบบไฟฟ้าแบบเสถียรภาพ การบริหารจัดการน้ำให้พอกับความต้องการ การพัฒนาท่าเรือน้ำลึก ท่าเทียบเรือสำราญและเรือยอร์ช ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ และโครงการสำคัญต่างๆ ขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาจนทำให้หลายโครงการสำคัญต้องหยุดชะงักลง

ในรอบระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา จังหวัดภูเก็ตมีการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าราชการจังหวัดไปแล้ว 3 ท่าน ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามวิสัยทัศน์ของผู้ว่าราชการจังหวัด ทำให้เกิดความชะงักงันของระดับปฏิบัติการ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ยังต้องใช้ระยะเวลา ในการปรับตัว ให้เข้ากับบริบทของพื้นที่ วัฒนธรรมองค์กร การทำงานของหัวหน้าส่วนราชการและภาคเอกชน และหากต้องโยกย้ายในระยะเวลาอันสั้นจะทำให้จังหวัดเสียโอกาสการพัฒนาที่ต่อเนื่องส่งผลต่อความไม่มั่นในนโยบายการพัฒนาของท้องถิ่นและความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชน

ภาคเอกชนในจังหวัดภูเก็ตจึงเรียกร้องให้รัฐบาลได้ตะหนักถึงความเหมาะสมของระยะเวลาในการ พิจารณาโยกย้ายและให้ความสำคัญต่อการสรรหาผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีความเหมาะสมกับบริบทที่ซับซ้อน และความท้าทายของพลวัตที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เข้าใจความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นและนักลงทุนต่างชาติ มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนกับการสร้างภูเก็ตให้มีทิศทางการพัฒนาที่สมดุล กระจายความเจริญ และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ต มุ่งมั่นต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้จังหวัดภูเก็ตเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนและระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม

ร่วมแจ้งปัญหา และติดตามข่าวสารต่างๆอย่างฉับไวได้ที่ Line ID :@Phukethotnews