2 หนุ่มดื่มหนักกลับจากท่องราตรีขับ จยย.พุ่งลงอุโมงค์ห้าแยกฉลองดับคาที่ 1 สาหัส 1

โพสเมื่อ : Sunday, July 16th, 2017 : 4.33 pm

เมื่อเวลา 07.45 น. วันนี้ (16ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากคนงานที่ขุดอุโมงค์ห้าแยกฉลอง หน้าห้างโฮมโปร ว่า เกิดอุบัติรถจักรยานยนต์ตกถนนที่บริเวณก่อสร้างอุโมงค์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้ง พ.ต.ต.ธาดา โสดารักษ์ สว.(สอบสวน)สภ.ฉลอง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย 

ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ก่อสร้างอุโมงค์ห้าแยกฉลอง พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ ทะเบียน 1กจ 9028 เชียงใหม่ ล้มอยู่บนถนนปูนซีเมนต์ที่กำลังก่อสร้างจุดที่กำลังขุดอุโมงค์ ใกล้กันพบศพ นายสมชาติ แก้วคำ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ม.5 ต.หนองกรุงทับม้า อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี สภาพนอนคว่ำเสียชีวิตอยู่ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงินอ่อน โดยใบหน้าบริเวณจมูกและปากมีบาดแผลลักษณะกระแทกกับถนน มีเลือดออก มีรอยเลือดที่พื้นถนนเป็นเลือดที่เกาะตัวแห้งแล้ว และใกล้กันพบร่าง นายขวัญรัก เรืองภักดี สภาพนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงยีนส์ขายาว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะแตก ทางเจ้าหน้าที่ฯจึงช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และนำศพส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียด
จากการสอบสวนทราบว่า เหตุดังกล่าวน่าจะเกิดตั้งแต่ตอนกลางคืน แต่ไม่ทราบเวลาแน่นอน ผู้ตาย คือ นายสมชาติ เป็นคนขับและนายขวัญรัก นั่งซ้อนท้ายทั้งสองกลับมาจากเที่ยว และมีการดื่มเหล้าทั้งสองคน เนื่องจากพบว่า คนตายและคนเจ็บมีกลิ่นเหล้า โดยขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจากวงเวียนห้าแยกมุ่งหน้ามาทางวัดฉลอง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุตรงกลางถนนมีการขุดถนนสร้างอุโมงค์ มีการนำแผงกั้นไปกั้นถนนจุดที่ขุดอุโมงค์ แต่มีช่องว่างระหว่างแผงกั้นที่รถจักรยานยนต์สามารถขับไปได้ แต่ผู้ตายได้ขับรถเข้าไปด้วยความมึนเมาและความเร็วของรถจึงทำให้ตกถนนกระแทกกับพื้นถนนด้านล่าง จนทำให้นายสมชาติ เสียชีวิตและนายขวัญรัก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เมื่อคนงานขุดอุโมงค์มาทำงานในตอนเช้าจึงมาพบและแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานกับทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตให้มีการตรวจวัด แอลกอฮอล์ กับทั้งสองคนไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป