15 ชุมชนในภูเก็ต ยื่นหนังสือถึง “ประวิตร” เรียกร้องเอาโฉนดชุมชนคืนมา

โพสเมื่อ : Thursday, November 26th, 2020 : 11.35 am

 

กลุ่มพีมูฟภูเก็ต กว่า 300 คน รวมตัวยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ขอให้ทบทวนวาระการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ยกเลิกระเบียบโฉนดชุมชน

 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 26 พ.ย.) กลุ่มสมาชิกโฉนดชุมชนเครือข่ายสิทธิชุมชนพัฒนาภูเก็ต 15 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนชาวเลหินลูกเดียว ชุมชนปูดำ ชุมชนบางรากไม้ ชุมชนท่าสัก ชุมชนกิ่งแก้ว ซอย 1 ชุมชนโหนทรายทอง ชุมชนประชาอุดม ชุมชนมะลิแก้ว ชุมชนคลองเกาะผี ชุมชนธนิตธุรกิจรวมสิน ชุมชนท่าเรือใหม่ ชุมชนปลากะตักพัฒนา ชุมชนชาวเลสะปำ ชุมชนคลองปากบาง และชุมชนศักดิเดช ประมาณ 300 คน นำโดย นายสินชัย รู้เพราะจีน ผู้ประสานงานเครือข่ายสิทธิชุมชนพัฒนาภูเก็ต คณะกรรมการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ ได้รวมตัวกันที่ศาลาประชาคมจังหวัดภูเก็ต ก่อนจะเดินขบวนมายังศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ขอให้ทบทวนวาระการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรื่อง ยกเลิกระเบียบโฉนดชุมชน โดยมี นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้รับเรื่องแทน เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ติดภารกิจ และมีนายสมปราชญ์ ปราบสงคราม นายอำเภอเมืองภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสังเกตการณ์

พร้อมกันนี้ ยังมีการชูข้อความต่างๆ อาทิ โฉนดชุมชน ที่อยู่ที่กินของคนจน, เราต้องการโฉนดชุมชน เพื่อความเป็นอยู่ที่มั่นคง, เอาโฉนดชุมชนคืนมา เอานาฬิกาคืนไป, โฉนดชุมชนไม่ใช่สิ่งเลวร้าย โฉนดชุมชนทำให้มีที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เราผู้บุกเบิก ไม่ใช่ผู้บุกรุก เป็นต้น

 

นายสินชัย รู้เพราะจีน ผู้ประสานงานเครือข่ายสิทธิชุมชนพัฒนาภูเก็ต คณะกรรมการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส) หรือ พีมูฟ กล่าวถึงการมายื่นหนังสือ ว่า ตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ผลักดันนโยบายโฉนดชุมชน ด้วยมีเป้าหมายต้องการให้เป็นกลไกหนึ่งในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทำกินหรือที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย กระทั่งมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี จัดให้มีโฉนดชุมชน 2553 และในคราวประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานที่ประชุม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 และมีมติมอบหมายให้นำแนวทางโฉนดชุมชนหรือการจัดการที่ดินแปลงรวม ภายใต้กรอบสิทธิชุมชนให้อยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติรับไปดำเนินการ ทั้ง 486 ชุมชน ทั้งยังให้มีการคุ้มครองพื้นที่และเข้าถึงสาธารณูปโภคไปพลางก่อนจนกว่าการดำเนินการจะมีข้อยุติ

แต่การเตรียมการประชุมของฝ่ายเลขาฯ กลับไม่ดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการ จึงเสนอวาระการประชุมคณะกรรมการ คทช.เพื่อพิจารณาในข้อ 3.2 ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชนแทน ซึ่งถือเป็นการขัดกับแนวทางการแก้ปัญหา และมติที่ประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ในวันที่ 12 พฤศจิกายนโดยสิ้นเชิง

 

ทั้งมีข้อเสนอ คือ 1.ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี (สปน.)  โดยสำนักโฉนดชุมชนถอนเรื่องการยุบเลิกโฉนดชุมชนและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ว่าด้วยการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน ออกจากวาระการพิจารณาของอนุกรรมการนโยบายและมาตรการจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นี้โดยทันที 2. ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติใช้อำนาจตามมาตร 10 แห่ง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562เดินหน้าโฉนดชุมชน ในพื้นที่ 486 ชุมชน ให้เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดที่ดิน ภายใต้กลไก คทช. ควบคู่กับการจัดการที่ดินแปลงรวม ตามนโยบายรัฐบาลโดยเร็ว และ 3. ให้รัฐบาลดำเนินมาตรการในการคุ้มครองพื้นที่ชุมชนซึ่งได้มีการยื่นคำขอให้มีการจัดโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชนแล้ว และอยู่ในระหว่างการดำเนินการ จำนวน 486 ชุมชน เพื่อให้ชุมชนเหล่านั้นสามารถดำเนินวิถีชีวิตปกติ และสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและเข้าถึงโครงการพัฒนาของรัฐได้

ดังนั้น ขปส. จึงขอให้ท่านได้ทบทวนแก้ไขวาระการประชุมและนำข้อเสนอของ ขปส.ไปประกอบการพิจารณาให้แนวทางโฉนดชุมชนเป็นแนวทางหนึ่ง ภายใต้ คทช. เพื่อดำเนินการจัดที่ดินในรูปแบบสิทธิชุมชนแปลงรวม โดยเริ่มที่ 486 ชุมชน ที่ยื่นไว้กับสำนักงานโฉนดชุมชนแล้ว พร้อมกับอนุญาตให้มีการเข้าถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคไปพลางก่อน

ด้าน นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะเร่งดำเนินการส่งหนังสือไปยังรองนายกฯ โดยเร็วที่สุด และอีก 5 วันขอให้พี่น้องส่งตัวแทนมารับทราบความคืบหน้าต่อไป