เจ้าของที่ดินเกาะนาคาน้อย โชว์ภาพถ่ายทางอากาศปี 2510 ยันปลูกมะพร้าว – ยางพารา

“บริษัทภูเขาหกลูก” เจ้าของที่ดิน 24 ไร่บนเกาะนาคาน้อย รุกพบอธิบดีกรมที่ดิน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก หลังคณะกรรมการพิจารณาการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินระดับจังหวัดมีมติเพิกถอน ยืนยัน ที่ผ่านมาชาวบ้านทำมาหากินมาโดยตลอดและจ่ายภาษีบำรุงท้องที่ทุกปี โชว์ภาพถ่ายทางอากาศปี 2510 ยืนยันมีการทำประโยชน์ในที่ดินปลูกทั้งมะพร้าวและยางพารา ที่ดินดังกล่าวไม่อยู่ในเขตป่าสงวน

วันนี้ ( 31 พ.ค.) นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทภูเขาหกลูก จำกัด พร้อมด้วย นาย ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา บุตรชาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอธิบดีกรมที่ดิน ที่กรมที่ดิน กรณีการพิจารณา เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นส.3 ก.เลขที่ 3977 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งทางคณะกรรมการระดับจังหวัดมีมติให้เพิกถอน พร้อมแนบเอกสารหลักฐาน รวมทั้งภาพถ่ายทางอากาศปี 2510 ยืนยันการทำประโยชน์ในที่ดิน เพื่อประกอบการพิจาณา ซึ่งการเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ ได้ยื่นผ่านทางเลขาของอธิบดีกรมที่ดินแทน

นายชาญวิทย์ กิจเลิศสิริวัฒนา กล่าวว่า ตนมั่นใจ และ ศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของกรมที่ดิน มีความรู้มีความชำนาญ มีมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายและคำสั่งของทางราชการในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ว่า ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้อง เพราะก่อนจะตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวได้มีการตรวจสอบกับทางกรมที่ดินแล้ว และในการซื้อขายก็มีการจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินตามระเบียบของทางราชการและบริษัท หลังจากซื้อที่ดินมาก็ได้เข้าไปครอบครองทำประโยชน์มาโดยตลอด

จากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ทราบแล้วว่าที่ดินกล่าว ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวน และชาวบ้านที่ครอบครองก่อนหน้านี้ก็ทำมาหากินและจ่ายภาษีบำรุงท้องที่เป็นประจำทุกปี ส่วนเอกสารส.ค.1 ก็ไม่ได้เป็น ส.ค.1 บิน เพราะ ส.ค.1 ไม่ได้เจาะจงเกาะ แต่คลุมไปทั้งเกาะนาคาน้อยและเกาะนาคาใหญ่ จึงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากกรมที่ดิน โดยเฉพาะกรณีที่กรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินโดยในคำสั่งที่อ้างถึง หนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( น.ส.3 ก.) เลขที่ 3977 ต.ป่าคลอก อ.ถลางจ.ภูเก็ต เนื้อที่ 24 ไร่ 1 งาน 10 ตารางวา ซึ่งปัจจุบันมีชื่อ บริษัทภูเขาหกลูก จำกัด เป็นผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง ออกไปโดยไม่ชอบ และเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตระบุว่าคณะกรรมการได้มีมติเห็นสมควรให้เพิกถอนเอกสารสิทธิแปลงดังกล่าว โดยส่งเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาต่อไป

ตนจึงมีความประสงค์ที่จะร้องขอความเป็นธรรมและส่งเอกสารเพิ่มเติมต่ออธิบดีกรมที่ดินเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งมีทั้งเรื่องของ ส.ค.1 ที่คณะกรรมการสรุปมติตามข้อเท็จจริงไว้ล่วงหน้าว่าแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.) เลขที่ 70 หมู่ที่ 5 ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่เกาะนาคาใหญ่ เป็นหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่นมาใช้เป็นหลักฐานการออก น.ส.3 ก. ที่อยู่เกาะนาคาน้อย ทั้งๆที่ความจริงที่ตั้งที่ดินที่อยู่หมู่ที่ 5 ต.ป่าคลอก มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ทั้งเกาะนาคาใหญ่และเกาะนาคาน้อย และไม่เคยปรากฏว่าเคยมีการนำหลักฐานแบบแจ้งครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 70 หมู่ที่ 5 ไปขอออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินแปลงอื่นมาก่อน

ส่วนกรณี ที่มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 16/2559 มีข้อความว่าทะเบียนในส่วนกลางระบุว่ามีเนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา บริษัทได้ตรวจสอบแล้วก็ไม่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงตามนั้น เนื่องจากทะเบียนส่วนกลางที่บริษัทได้คัดรับรองสำเนาที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 70 หมู่ที่ 5 มีเนื้อที่ 17 -3-20 ไร่ ตรงตามเอกสารที่นำมาขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ( น.ส.3 ก.) เลขที่ 3977 ทุกประการ

นอกจากนั้นจากการตรวจสอบกับบุคคลในพื้นที่และหน่วยงานราชการ ผู้ปกครองท้องที่อื่นในขณะที่เจ้าพนักงานที่ดินที่ออกรังวัด เพื่อออกหลักฐาน ปรากฏว่าได้มีการทำประโยชน์โดยการทำสวนมะพร้าว และสวนยางพารา รวมทั้งมีการตรวจสอบรูปแผนทีที่ลงหมายเลข ระวางไม่ปรากฏว่าทับที่บุคคลอื่น ไม่มีเขตป่า ซึ่งการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวดำเนินตามขั้นตอนของกำหมายทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ตามในการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ ทางบริษัทได้นำหลักฐานแผ่นทีภาพถ่ายทางอากาศบริเวณเกาะนาคาน้อย ที่จัดทำเมื่อปี 2510 ที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบริเวณพื้นที่ น.ส.3 ก.เลขที่ 3977 มีการครอบครองทำประโยชน์โดยปลูกมะพร้าวและยางพารามาตั้งแต่เดิม ซึ่งตรงตามหลักฐานแจ้งการครอบครองที่ดินดังกล่าว และขอยื่นยันว่าทางบริษัทซื้อที่ดินมาด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อพัฒนาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคตสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลต่อไป