หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ลงพื้นที่ภูเก็ต เก็บข้อมูลโรงเตาเผาขยะ

โพสเมื่อ : Monday, January 6th, 2020 : 3.00 pm

หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่พร้อมคณะ ลงพื้นที่ภูเก็ตและภาคใต้ เก็บข้อมูลโรงเตาเผาขยะ หลัง ครม.อนุมัติในหลักการโรงไฟฟ้าชุมชนทั่วประเทศ ให้เอกชนลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาท

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (6 ม.ค.) นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และกรรมาธิการ/ที่ปรึกษากรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ เดินทางมารับทราบข้อมูลโรงเตาเผาขยะของภูเก็ต ซึ่งอยู่ในการดูแลของเทศบาลนครภูเก็ต โดยมี นายถาวร จิรพัฒนโสภณ รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และ ผู้จัดการ บริษัท พีเจที เทคโนโลยี จำกัด ผู้รับสัมปทานโรงเตาเผาขยะภูเก็ต ร่วมให้ข้อมูล ณ โรงเตาเผาขยะ จ.ภูเก็ต

นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า การเดินทางมารับทราบข้อมูลโรงเตาเผาขยะภูเก็ตในครั้งนี้นั้น มาในนามของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านพลังงาน ซึ่งได้ไปรับทราบข้อมูลเตาเผาขยะที่เกาะสมุย ภูเก็ต หาดใหญ่ และทั่วประเทศ และจากการได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมองว่า ประเทศไทยจะต้องมีการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติในหลักการโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ขนาด 700 เมกกะวัตต์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2562 ซึ่งแผนในขั้นต่อไปทางรัฐบาลจะต้องดูแลในเรื่องของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพื่อแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า และจากการศึกษาคิดว่าน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการขยะ แต่จะต้องเลือกเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และจะต้องทำร่วมกันกับทางกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“การจัดการไฟฟ้าขยะชุมชนนั้น น่าจะออกมาในรูปแบบความร่วมมือภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ คาดว่าไม่ใช่เพื่อจัดการขยะหรือจัดการไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยให้เอกชนเข้ามาลงทุนเพื่อความต่อเนื่องในการดูแลเทคโนโลยีและจะต้องให้เอกชนมีกำไรจากการลงทุนนั้นด้วย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ประหยัดงบประมาณ” นายแพทย์ระวี กล่าวและว่า

ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานกำลังศึกษารายละเอียด โดยส่วนตัวคิดว่าน่าที่จะอนุมัติให้หลักการภายใน 6 เดือนนี้ และคาดว่าจะมีการยืนญัตติต่อสภาฯเพื่อขอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการจัดการขยะในประเทศไทยต่อไป

นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ในส่วนของโรงไฟฟ้าชุมชนที่รัฐบาลได้เห็นชอบในหลักการไปแล้วนั้น เพื่อเป็นการกระจายความเหลื่อมล้ำ และกระจายทุน 80,000 ล้านบาท โดยที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุน แต่เป็นการลงทุนโดยเอกชนทั่วประเทศ และต้องปฏิรูปพลังงานควบคู่ไปกับการเกษตร