สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ยังขายเกลื่อนในภูเก็ต ล่าสุดจับอีกกว่า 5 แสนบาท

สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ยังขายเกลื่อนในภูเก็ต ชุดปฏิบัติการ ศปป. การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจังหวัดภูเก็ต ลุยจับอีกสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มูลค่ากว่า 5 แสนบาท ที่บริเวณตลาดนัดท้ายรถนาคา

สำหรับการลักลอบจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการลักลอบวางจำหน่ายกันให้เกลื่อนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการลักลอบจำหน่ายกันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าเกรงกลัวในการกระทำความผิดแต่อย่างใด ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจังหวัดภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ นายนรภัทรปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต (ผอ.กอ รมนจังหวัดภูเก็ต) นายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชจังหวัดภูเก็ตพล.ร.ท.สุรพล คุปตะพันธ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 นายถาวรวัฒน์ คงแก้วปลัดจังหวัดภูเก็ต นายสุพจน์ ชนะกิจ นายอำเภอเมืองภูเก็ต และ พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต โดยชุดปฎิบัติการ ศปป. การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จังหวัดภูเก็ต

นำโดยนายศิวัชฐ์ ระวังกุล ป้องกันจังหวัดภูเก็ต นายพัฒนพงศ์ เหนือคลอง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดภูเก็ต นายโสภนวิชญ์ ตุนวัฒน์กิจเจริญ เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าหน้าที่ทหารเรือ ทัพเรือภาคที่ 3ชุด ชป.มว.รส.ทร,ภ.3. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต พร้อมด้วย นายจันดี งามอินทร์ ตัวแทนผู้เสียหาย  ผู้รับมอบอำนาจ จาก บริษัทลาคอสท์ จำกัด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการกระทำผิดของผู้ประกอบการที่ลักลอบจำหน่ายสินค้าที่มีการละเมิดเครื่องหมายทางการค้าของบุคคลอื่น ภายใต้แผนป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในเขตพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ ตลาดเจ้าฟ้าวาไรตี้ (ตลาดท้ายรถนาคา) ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต

จากการลงตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายดังกล่าว ปรากฏว่า มีร้านค้าที่ลักลอบจำหน่าย หรือ มีสินค้าไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น จำนวน 3 ร้าน แต่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 1 ราย คือ ร้านโบโซ ล๊อคที่ 65,66,67 พร้อมยึดสินค้าที่เข้าข่ายการกระทำความผิดฯ ประเภท ต่างหู สร้อยคอ แทบรัดผม จำนวน 205 ชิ้น ร้านที่ 2 ล๊อค ที่ 35,36 ไม่ปรากฏชื่อร้าน พบสินค้าประเภท แว่นตาเลียนแบบแบรนด์ดัง จำนวน 243 ชิ้น และ ร้านที่ 3 ล๊อค ที่ 49,50 เป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าสตางค์ ที่ใช้เครื่องหมายการค้าแบรนด์ดัง จำนวน 38  ชิ้น  โดยสามารถตรวจยึดสินค้าได้ 485 ชิ้น รวมมูลค่าเสียหายกว่า 500,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฯจึงได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้กระทำความผิดและตรวจยึดสินค้าแจ้งข้อกล่าวหาว่า จำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไว้ เพื่อจำหน่ายเครื่องหมายทางการค้าของบุคคลอื่น ตาม ม 110(1) พ.ร.บ เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิชิตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป