วีระศักดิ์ จับเข่าคุยปัญหาท่องเที่ยวกลุ่ม 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ตขอปกครองตนเอง

โพสเมื่อ : Friday, February 23rd, 2018 : 7.47 am

ภาคเอกชนฝั่งอันดามันทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ เปิดเวทีถกปัญหาท่องเที่ยว ร่วมกับ รมต.ท่องเที่ยว เสนอถึงนายกรัฐมนตรีแก้ไข เพื่อพัฒนาสู่ความยั่งยืน ภูเก็ตขอปกครองรูปแบบพิเศษเลือกตั้งผู้ว่าฯหรือเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว หวังดึงงบประมาณลงพื้นที่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว และพัฒนาของเมือง ด้านรัฐมนตรีท่องเที่ยวเสนอให้ทำแผนพัฒนาท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ในลักษณะของ “Sand Box” น่าจะเป็นทางออกดีในขณะนี้ 

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือภาคเอกชน จ.ภูเก็ต และอันดามัน เรื่องเสนอปัญหาอุปสรรคและการแก้ไขเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายสุรชัย ชัยวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีตประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา และอดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ อดีต ส.ส.ภูเก็ต นายกฤษฎา ตันสกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป นายสรายุทธ์ มัลลัม ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ภูเก็ต กระบี่ และพังงา เข้าร่วม ณ โรงแรมบียอน กะตะ รีสอร์ต

ทั้งนี้เพื่อรับทราบนโยบายด้านการท่องเที่ยวจากรัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมไปถึงให้ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้นำเสนอปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว นำเสนอต่อรัฐมนตรีฯและเสนอต่อไปยังนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของฝั่งอันดามันสู่ความยั่งยืน

ก่อนการประชุมนายเรวัต อารีรอบ อดีต สส.ภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อให้ผลักดันให้ภูเก็ตปกครองในรูปแบบพิเศษ โดยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ว่าฯมาจากการคัดสรร จะทำให้การพัฒนาและการแก้ปัญหาต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าในปัจจุบัน รวมไปถึงภูเก็ตสามารถที่จะวางแผนการพัฒนาและวางแผนการจัดเก็บและการใช้งบประมาณที่สอดคล้องกับสภาพของเมืองและสภาพปัญหาได้ดีกว่า

โดยเห็นว่าภูเก็ตมีการเติบโตทางการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดด งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรลงมาพัฒนาภูเก็ตนั้นไม่เพียงพอในการพัฒนารองรับจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นทุกๆปี การให้ภูเก็ตปกครองรูปแบบพิเศษ ในลักษณะเดียวกับเมืองพัทยาหรือกรุงเทพมหานครนั้นจะช่วยให้การจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาภูเก็ตได้ดีกว่าปัจจุบัน 

ขณะที่นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีตประธานกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา และอดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดภูเก็ต ได้นำเสนอให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวฯ ทราบว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวของภูเก็ตมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โครงสร้างพื้นฐานที่ภูเก็ตมีอยู่ในขณะนี้ไม่เพียงพอ สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย การแก้ปัญหาเป็นอย่างล่าช้าไปทันกับจำนวนนักท่องเที่ยว จึงทำให้ภูเก็ตมีปัญหาสะสมจากการเติบโตด้านการท่องเที่ยวในหลายๆมิติ

ทั้งๆที่ภูเก็ตและอันดามันสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้มีละมหาศาล แต่กลับไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลเท่าที่ควร การจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอกับการเติบโตของเมือง เพราะรัฐบบาลไม่ได้มองว่าภูเก็ตทำเงินได้จำนวนมากจะต้องจัดสรรงบประมาณให้เป็นเงาตามตัว แต่กลับจัดสรรงบประมาณแบบปกติที่ใช้เหมือนกันทุกจังหวัด ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่ภูเก็ตน่าที่จะได้รับการยกเป็นเมืองพิเศษที่แตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ เพื่อพัฒนาให้ทันกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทะลุ 16 ล้านคนในขณะนี้

“จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากถึง 16 ล้านคนต่อปี เชื่อว่าหลายฝ่ายคงซ็อคกับตัวเลขนี้ เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่ภูเก็ตมีอยู่ในขณะนี้ไม่พร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวมากมายขนาดนี้ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ได้ผลกระทบทั้งหมด” นายธันยรัศม์ กล่าวและว่า

ถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องยกให้เป็นภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้เคยมีการนำเสนอต่อรัฐบาลมาแล้วก่อนหน้านี้แต่ไม่ได้รับการพิจารณาและผลักดันต่อ โดยให้ภูเก็ตเป็นโมเดลในการที่ใช้หลักพื้นที่ไหนทำรายได้ให้รัฐบาลสูงก็จะต้องจัดสรรงบประมาณลงมาพัฒนาพื้นที่สูงตามรายได้ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สอดคล้องและสอดรับกับสภาพพื้นที่นั้นๆ หากดูจากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ที่เกิดจากการท่องเที่ยวในภูเก็ตและอันดามันคิดว่าพร้อมที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจเพื่อการท่องเที่ยว เพราะขณะนี้ภูเก็ตและอันดามันเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้ว

ด้านนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตโตแบบก้าวกระโดดและไร้ขาดการวางแผน ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง สิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่ม ไม่ได้กระจายสู่ชุมชนและประชาชนอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดปัญหาด้านสังคมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เพราะภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มจังหวัดเล็ก ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณและบุคลากรจึงได้รับตามสภาพของพื้นที่และประชากร จึงทำให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอกับสภาพความเป็นจริงของเมือง ดังนั้นโดยรวมคิดว่าการรนำเทคโนโลยี่เข้ามาเป็นใช้ในการบริหารและพัฒนาเมืองสิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนในภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้นำเสนอปัญหาเพื่อให้ทางรัฐมนตรีนำไปสู่การแก้ไขในหลายส่วนด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ปัญหาการคมนาคม ปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดจากรถบัสรับส่งนักท่องเที่ยว ที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเสนอให้มีการลดภาษีนำเข้ารถโค้ช ปัญหานักท่องเที่ยวที่เข้ามามากโดยเฉพาะกลุ่มจากจีน ในขณะนี้กลุ่มอื่นเข้ามาน้อยจากการจัดสล๊อตให้สายการบินลงที่ภูเก็ต ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ ปัญหาการเซ็งวัดหลอกนักท่องเที่ยวจีนไปเช่าพระและของรางในราคาแพงๆ เกินจริงหลายเท่าตัว ปัญหาน้ำท่วม ปัญหามัคคุเทศก์ ปัญหาด้านความปลอดภัย ปัญหานักท่องเที่ยวจีนล้นเกาะสิมิลันโดยเสนอให้กรมอุทยานเพิ่มค่าธรรมเนียมให้สูงขึ้น เป็นต้น

นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า จากการหารือร่วมกับภาคเอกชนในฝั่งอันดามัน ทั้ง ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ทุกจังหวัด ต้องการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ปริมาณที่เข้ามาตอนนี้เกินกว่าความสามารถในการจัดการและรองรับกับระบบสาธารณูปโภคที่มีอยู่ จากหลายๆปัญหา เช่น ปัญหาการจัดสล็อตเที่ยวบินจากต่างประเทศมาลงที่ภูเก็ตจำนวนมาก โดยไม่ถามถึงความพร้อมของพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาที่แก้ยังไงก็แก้ไม่หมด เป็นต้น 

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาและการพัมนาการท่องเที่ยวของภูเก็ตสู่ความยังยืนนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าจะต้องให้ภูเก็ตเป็นอะไรที่พิเศษกว่าพื้นที่อื่นๆ เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก สิ่งที่ภูเก็ตและอันดามันสามารถทำได้เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา คือ การทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นแผนที่เกิดจากความต้องการของคนภูเก็ต เพราะคนภูเก็ตเท่านั้นที่รู้ว่าภูเก็ตต้องการอะไร และเป็นแผนที่พัฒนาโดยคนภูเก็ต ในลักษณะเหมือนกับโครงการที่ครม.เห็นชอบให้จังหวัดขอนแก่น น่าน และพระนครศรีอยุธยา จัดทำระบบ Sand Box

โดยกำหนดพื้นที่และจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่เสนอไปยังรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลสนับสนุน ลดหย่อนกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งการจัดทำในลักษณะของ Sand Box น่าที่จะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะทำในรูปแบบการปกครองพิเศษ หรือ เขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว และทำให้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกๆฝ่ายอย่างต่อเนื่อง