ลุยไม่หยุด ! “ผกก.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน” นำทีม ตร.สืบสวนภูเก็ตตามจับยัดตะรางผู้ต้องหาลักตู้เซฟ นักธุรกิจดัง

โพสเมื่อ : Thursday, December 5th, 2019 : 1.13 pm

ลุยไม่หยุด ! “ผู้กำกับ ประวิทย์ เอ้งฉ้วน” นำชุดสืบฯ ภูเก็ตตามจับเข้าตะราง รวบ 1 ใน 3 แก๊งคนร้ายยกตู้เซฟบ้านนักธุรกิจดังในภูเก็ต ได้ทรัพย์สินนับสิบล้าน หลังหนีไปกบดานกทม. ระบุเป็นมืออาชีพทิ้งหลักฐานไว้น้อย แต่ตามสืบจนได้ข้อมูล

 

วันนี้ (5 ธ.ค.) จากคนร้ายก่อเหตุตัดกุญแจ งัดบ้าน นายอิทธิ์โรจ ชวาลพิพัฒน์พงศ์ หรือ เฮียช้าง ทรานลี่ นักธุรกิจดังในภูเก็ต ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต แล้วเข้าไปลักเอาทรัพย์สินที่เก็บไว้ในตู้เซฟ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังก่อ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานและรวบรวมพยานหลักฐาน ในการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง

โดย พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า คดีนี้ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวน ยาวนานถึง 6 เดือน จนทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้มีจำนวน 3 คน ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ นายมานะ หรือ ซัน รัตโส พร้อมพวก เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพบว่า คนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุนั้นเป็นคนที่มีประวัติการก่อเหตุเกี่ยวกับการลักตู้เซฟมาอย่างโชกโชนในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ก่อนเดินทางมาก่อเหตุที่จังหวัดภูเก็ต หลังก่อเหตุได้หลบหนีกลับไปอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑลทันที

และจากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ยังเคยก่อเหตุ ลักเซฟในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ได้ทรัพย์สินไปประมาณ 5 – 6 ล้านบาท โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางชุดสืบสวนภูเก็ต จึงได้เกาะติดคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส. ภ.จว.ภูเก็ต สืบทราบว่าคนร้ายกบดานอยู่ในพื้นที่ เขตพระขโนง กรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต จึงได้นำกำลังชุดสืบสวนภูเก็ต ไปประสานกับ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.62 สามารถติดตามจับกุมตัว นายมานะ รัตโส อยู่บ้านเลขที่ 31/2 ม.8 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ลงวันที่ 8 พ.ย.62 ในความผิดฐาน “ ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านทรัพย์เช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การหลบหนีและการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อให้พ้นจากการจับกุม และร่วมกันบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นด้วยประการใดๆเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขในเวลากลางคืน” โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณ เขตพระขโนง กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นคดีที่คนร้ายทิ้งร่องรอยไว้น้อยมาก และพยานหลังฐานที่รวบรวมได้มีมามาก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานยาวนานถึง 6 เดือน แต่เจ้าหน้าที่ทีมสืบสวนฯ ก็ตั้งใจในการทำงานเต็ม จนสามารถสืบทราบตัวผู้ก่อเหตุ และขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับ

ก่อนประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม จนสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามยังเหลือผู้ก่อเหตุอีก 2 ราย ที่ศาลอนุมัติออกหมายจับ และคนชี้เป้ายังหลบหนีซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป และจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก ร่วมกันลักมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง ซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้งได้เงินมาและทรัพย์สินจำนวนมาก หลังก่อเหตุก็จะแยกย้ายกันหลบหนี เมื่อเงินหมดก็จะรวมตัวกันมาก่อเหตุอีก