รถบัสเบรกแตกขณะลงเขาป่าตอง ชนรถยนต์ เสียหาย 6 คัน บาดเจ็บ 1 ราย

รถบัสเบรกแตกเสียหลัก ชนดะ รถยนต์ ที่อยู่ด้านหน้า ขณะขับรถลงเขาป่าตอง ได้รับความเสียหาย 6 คัน บาดเจ็บ 1 ราย ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน

วันนี้ (25 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.50 น. พ.ต.ท.ปฐพี ศรีชาย สว.(สอบสวน) สภ.ป่าตอง ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถทัวร์เบรกแตก ชนรถคันอื่นที่อยู่ในทางได้รับความเสียหายหลายคัน และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณหน้าวัดสุวรรณคีรีวงศ์ ถ.พระบารมี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

หลังจากรับแจ้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และ เจ้าหน้าที่ป้องกัน และ บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองป่าตอง ที่เกิดเหตุเป็นช่วงลงเขาป่าตอง ซึ่งถนนแบ่งออกเป็น 2 ช่องการจราจรสวนทางกัน โดยมุ่งหน้าลงไป ต.กะทู้ 1 ช่องทาง และมุ่งหน้ามา ต.ป่าตอง 1 ช่องทาง เห็นรถบัส ทะเบียน 32-9562 กรุงเทพมหานคร มีนายกิตติ นาคโชติ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 86/11 หมู่ที่ 2 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นผู้ขับขี่ จอดอยู่ในซอยข้างวัดสภาพหน้ารถได้รับความเสียหาย นอกจากนั้นยังมีรถที่ถูกเฉี่ยวได้รับความเสียหาย อีก 6 คันจอดอยู่ในที่เกิดเหตุ

ประกอบด้วย รถยนต์ตู้ ทะเบียน นข-2961 ภูเก็ต รถยนต์เก๋ง โตโยต้า แอลติส ทะเบียน กบ-5156 ภูเก็ต รถยนต์เก๋งยี่ห้อ นิสสัน ทะเบียน กว-8720 ภูเก็ต รถยนต์ตู้ ทะเบียน 31-1862 ภูเก็ต รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน ทะเบียน กร -8892 ภูเก็ต และ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มาสด้า ทะเบียน กร – 7228 ภูเก็ต โดยผู้ขับขี่ และ ผู้โดยสารแต่ละคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ในเบื้องต้นทราบว่า มีผู้บาดเจ็บ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลป่าตอง

จากการสอบสวนทราบ ว่า ผู้ขับขี่แต่ละคน ได้ขับขี่รถมาตามถนนพระบารมี ทิศทางจาก ต.กะทู้ มุ่งหน้า ต.ป่าตอง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าวัดสุวรรณคีรีวงศ์ ซึ่งเป็นทางลาดชันลงเขา นายกิตติ ซึ่งขับขี่รถบัสทะเบียน 32-9562 กรุงเทพมหานคร ตามหลังมาเป็นคันสุดท้าย ซึ่งเบรกขัดข้องไม่ทำงาน เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมรถได้ จึงทำให้รถแล่นลงเขาด้วยความเร็วสูง เกิดเฉี่ยวชนกับรถทั้ง 6 คันที่อยู่ด้านหน้าได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญคนขับรถบัส ไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ ที่แท้จริง นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 13 ก.พ.ได้เกิดเหตุรถบัสเบรกแตกเฉี่ยวชนรถที่ขับสวนมาได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ ซึ่งในเดือนนี้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เกิดเหตุลักษณะดังกล่าว