ภูเก็ตกำหนดวาระจังหวัดลดตายจากอุบัติเหตุทางถนน ในปี 2563 ให้ต่ำกว่า 50 ราย

คณะกรรมการขับเคลื่อนวาระจังหวัดภูเก็ต กำหนดสำคัญ ลดการตาย จากอุบัติเหตุทางถนน ปีปี 2563 ( 2020)” ให้ต่ำกว่า 50 ราย ระบุจากฐานข้อมูลของทางตำรวจพบสถิติการเกิดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับลดลง

วันนี้ (2 ส.ค.) นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนวาระจังหวัด “นโยบายลดการสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จังหวัดภูเก็ต ให้ต่ำกว่า 50 ราย ในปี 2563 ( 2020)” ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยมี พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายปฏิเวชวุฒิศักย์ สุขขี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ต นายแพทย์วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองประธานแผนงาน สอจร.ภาคใต้ หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหาร/ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เข้าร่วมประชุม

การประชุมในครั้งนี้ เป็นการวางแนวทางการทำงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรของจังหวัดภูเก็ต โดยเน้นยุทธศาสตร์สำคัญ คือการบังคับใช้กฎหมาย ,ด้านวิศวกรรมจราจร,การให้ความรู้ ,การประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ได้พุ่งเป้าไปในเรื่องลดการสูญเสียชีวิตมากกว่าการลดการเกิดอุบัติเหตุจราจร โดยการกำจัดความเร็วของรถ และทำถนนให้รถวิ่งได้ช้าลง

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาเรื่องจุดติดตั้งกล้องตรวจจับการฝ่าสัญญาณไฟจราจร หรือ Red light Camera ซึ่งมูลนิธิ Safer Roads Foundation สนับสนุนงบประมาณในการติดตั้ง จำนวน5 จุด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่ง ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี จังหวัดภูเก็ต มีอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรสูงเป็นอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศ มีผู้เสียชีวิตปีละ 100 – 200 คน มีอัตราบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร4,952.55 ต่อประชากรแสนคน และเสียชีวิต 72.04 ต่อประชากรแสนคน

แต่ในปี 2559 นี้พบว่า แนวโน้มผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรลดลง จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเดิมจะอยู่ที่ประมาณ 200 รายต่อปี ตอนนี้ลดลงเหลือประมาณ 100 รายต่อปี ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานกันอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการตรวจจับเรื่องการเมาแล้วขับ เมื่อมีการตรวจจับกันมากขึ้น ก็ทำให้สถิติการเมาแล้วขับลดลง อุบัติเหตุก็ลดลงด้วย ซึ่งมีผลงานการจับกุมเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว กว่า 10 เท่า และเชื่อว่าปีหน้าการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรจะลดลงมากกว่านี้