ผอ.ท่าภูเก็ต สั่งรื้อฝ้าทุกจุดหวั่นเกิดเหตุซ้ำ /เหยื่อ ฝ้าเพดานตกใส่หัวเล่านาทีชีวิตเจ็บไม่รู้ตัว

โพสเมื่อ : Sunday, June 4th, 2017 : 2.25 pm

เหยื่อ…อุบัติเหตุฝ้าเพดานอาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ตกใส่หัว เล่านาทีชีวิต ได้ยินเสียงดังสนั่น พร้อมกับฝ้าเพดานตกลงมาจุดที่นั่งรอ รีบลุกหนีโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ตรุดเยี่ยมขอโทษผู้ประสบเหตุ พร้อมเผยอาคารที่เกิดเหตุสร้างเมื่อปี 31 ซ่อมแวมปรับปรุงครั้งสุดท้ายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ขณะนี้สั่งปิดพื้นที่ เปิดฝ้าเพดานสำรวจ พบยังมีรอยร้าวอีกหลายจุด สั่งหน่วยเกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุ ฝ้าเพดาน พร้อมแผ่นซีเมนต์ ตกลงมาใส่ผู้โดยสารที่กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องระหว่างประตูทางออก ที่ 81 และ 82 อาคารผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายบัญชา สงวนนาม อายุ 59 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน 10/360 ม.5 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อทำการรักษาในเบื้องต้น  แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีแผลแตกที่ศีรษะจำนวน 2 จุด จุดแรกบริเวณหน้าผาก ลึกถึงกะโหลก เส้นเลือดฝอยขาด 2 เส้น จุดที่ 2 อยู่บริเวณศีรษะด้านหลัง ยาวประมาณ 3 ซ.ม. ลึก 1 ซ.ม. เบื้องตนแพทย์ตรวจพบมีรอยเป็นเส้นสีดำที่กะโหลกศีรษะ จึงส่งตัวรักษาและสแกนสมองต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โดยขณะนี้ยังคงนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งพบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่ห้องพักผู้ป่วย โรงพยาบาล กรุงเทพภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศภูเก็ต (ทภก. ) ได้นำกระเช้า เข้าเยี่ยมเพื่อติดตามอาการบาดเจ็บ และ แสดงความเสียใจและขอโทษ นายบัญชา สงวนนาม  กับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น พร้อมชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุ ที่ฝ้าเพดานดังกล่าวร่วงหล่นลงมา และยืนยันยัน ว่า พร้อมรับผิดชอบทุกอย่างอย่างเต็มที่ โดยทางท่าอากาศยานได้ทำประกันภัยไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน นางสาวอโนมา วงษ์ ใหญ่ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต และนางรัชดาภรณ์ โออิน รักษาการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ รวมทั้งสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยแจ้งกับทางผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ว่าการเดินทางมาเยี่ยมในครั้งนี้ เนื่องจากทางจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มีความห่วงใย และเป็นห่วงผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงมอบหมายให้ทั้ง 2 หน่วยงานมาเยี่ยมในนามของจังหวัดภูเก็ต นอกจากนั้นทางตัวแทนสายการนกแอร์ได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมนายบัญชา สงวนนาม ด้วย พร้อมกับแจ้งว่า เรื่องการเดินทางไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าทางผู้ได้รับบาดเจ็บพร้อมจะเดินทางเมื่อไหร่ก็สามารถใช้บริการได้เลย เนื่องจากขณะนี้เปิดตั๋วไว้ให้แล้ว

ขณะนายบัญชา เล่าถึงนาทีระทึกจนหวิดเอาชีวิตไม่รอด ว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุได้เดินทางมาถึงสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องไปเยี่ยมญาติที่กรุงเทพฯ และเมื่อเข้ามาที่เกรท หรือประตูทางออก ก็นั่งพักรออยู่บริเวณที่พักอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะต้องรออีกประมาณ ครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะมีการเรียกขึ้นเครื่อง โดยตอนแรกนั่งห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก โดยจุดที่เกิดเหตุก่อนหน้านั้นมีนักท่องเที่ยวจีนนั่งกันอยู่จำนวนมาก แต่ระหว่างนั่งรอ ก็ได้มีครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งมีลูกเล็กๆ มานั่งใกล้ๆกับที่ต้นนั่งอยู่พร้อมนำของมานั่งกินกัน ตนเห็นว่าครอบครัวนักท่องเที่ยวนั่งกันไม่สะดวก จึงลุกขึ้นย้ายที่นั่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวนั่งกันแบบสบาย ๆ ประกอบกับจุดที่เกิดเหตุซึ่งก่อนหน้านี้ มีนักเที่ยวจีนนั่งกันจำนวนมากว่างลงเนื่องจากมีการเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง จึงเดินไปนั่งที่นั่งบริเวณจุดเกิดเหตุโดยตนนั่งอยู่เพียงคนเดียว แต่มีกระเป๋าของนักท่องเที่ยวชาวจีนวางอยู่ด้วย เมื่อไปนั่งได้ประมาณ 10 นาที

ปรากฏว่า ได้ยินเสียงดังมากลักษณะคล้ายเสียงระเบิด หรือตึกถล่ม และมีสิ่งของตกลงมาทันที ตนจึงลุกขึ้นเดินเพื่อไห้พ้นจากจุดที่มีของตกลงมา โดยขณะนั้นยังไม่รู้สึกว่ามีสิ่งของตกใส่ศีรษะ จนกระทั้งเดินออกมานิดหนึ่งมีคนหันมามองที่ตนเองกันจำนวนมาก จึงก้มมองตัวเองเห็นว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมากจากศีรษะ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของการท่าฯ และ สายการบินเข้ามาดูแล พร้อมทั้งนำไปทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาลถลาง ซึ่งตอนแรกก็แจ้งกับทางสายการบินว่าตนจะขอเดินทางต่อหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว

แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลถลาง และแพทย์ได้เข้ามาตรวจอย่างละเอียด พร้อมทำการเย็บแผล พบว่า มีแผล 2 จุด จุดแรกบริเวณใกล้กับหน้าผาก พบว่า มีเลือดไหลออกมาค่อนข้างมาก ถามแพทย์บอกว่า มีวัตถุที่มีความแหลมและคมตัดเส้นเลือดค่อนข้างลึก ทำให้เลือดไหลพุ่งออกมาจำนวนมาก  และเห็นรอยขูดหรือร้าวที่กะโหลก เย็บไป 6 เข็ม กับอีกจุดบริเวณกลางศีรษะ ซึ่งจุดนี้น่าจะโดนก่อนปูนตกลงมาใส่ เนื่องจากมีเศษปูนติดอยู่ โดยจุดนี้ เย็บ 3 เข็ม และจากาการวินิจฉัยของแพทย์ พบว่าต้องส่งตัวมาเอ็กซเรย์สมอง เพราะกลัวจะเกิดการกระทบกระเทือนและกะโหลกร้าว ทางการท่าจึงประสานให้เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ตนรู้สึกดีขึ้นตามลำดับแล้ว และอยากกลับบ้าน

นายบัญชา ยังกล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ จนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ทางผู้อำนวยการ การท่าฯ ก็ได้มีการโทรศัพท์มาสอบถามอาการตลอดเวลา และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่การท่าฯ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และแจ้งว่าการท่าฯจะรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ คิดว่าเป็นคราวงเคราะห์ของตัวเอง และถือว่าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด และก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะ ได้รับการดูแลจากการท่าฯ กับสายการบินเป็นอย่างดี และพอใจกับการช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนของตั๋วเครื่องบินได้รับแจ้งว่า  หากจะเดินทางไปเมื่อไหร่ก็ให้แจ้งทางสายการบินไปเขาพร้อมที่จะดูแลในส่วนนี้ให้  ซึ่งตนไม่อยากคิด ว่าถ้าหากเกิดเหตุก่อนหน้านี้สักประมาณ 10 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนนั่งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ อะไรจะเกิดขึ้นกับจังหวัดภูเก็ต เพราะถ้านักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตก็จะเสียหายไปด้วย

ขณะที่นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ  ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางตน และท่าอากาศยานภูเก็ต ขออภัยและแสดงความเสียใจกับทางผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นอย่างยิ่ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พบว่าเกิดขึ้นบริเวณเหนือฝ้าเพดาน ซึ่งเป็นปูนที่ฉาบคานไว้เสื่อมสภาพทำให้เกิดการหลุดร่อน และร่วงหล่นลงมาบนฝ้าเพดาน ทำให้ฝ้ารับน้ำหนักไม่ไหว จึงร่วงหล่นลงมาทั้งแผ่นดังกล่าว และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าอาคารหลังนี้มีการใช้งานมาเป็นเวลานาน โดยเป็นอาคารเดิมกรมการบินพาณิชย์ การท่าฯ รับโอนมาจากกรมการบินพาณิชย์ เมื่อเดือนตุลาคมปี 2531 และ ทราบว่าได้มีการปรับปรุงมาแล้ว 3 ครั้ง ตามห้วงเวลา โดยครั้งสุดท้ายปรับปรุงเมื่อปี 2545 และจากการปรับปรุงครั้งสุดท้ายได้ใช้งานมาแล้วเป็นเวลา 15 ปี

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ปิดพื้นที่ชั่วคราว เพื่อตรวจสอบ จากการตรวจสอบบนฝ้า พบมีการฉาบปูน และพบมีรอยร้าวในหลายจุด ซึ่งได้สั่งการให้ฝ่ายบำรุงรักษาเปิดฝ้าเพดานออกตรวจสอบทีละจุดอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เนื่องจากอาคารส่วนนี้ยังจำเป็นต้องใช้งานในระหว่างรอการปรับปรุงอาคารอีกด้านปรับปรุงแล้วเสร็จ คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2 เดือน โดยจะใช้วิธีการเปิดตรวจสอบทีละจุด หากพบว่าจุดไหนมีความเสี่ยงจะทำการปรับปรุงแก้ไขก่อน ส่วนไหนที่ไม่มีความเสี่ยงก็จำเป็นต้องใช้งานไปก่อน และต้องกราบขออภัยอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   ก็จะพยายามแก้ไขและทำให้ดีที่สุด ส่วนการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและดูแลอย่างเต็มที่