บิ๊กโจ๊ก เผยเบื้องต้น เรือฟินิกซ์ มีข้อบกพร่อง ไม่เหมาะออกทะเล ประกาศชัดเจนจัดการนอมินีเด็ดขาด

โพสเมื่อ : Tuesday, July 10th, 2018 : 10.23 pm

“บิ๊กโจ๊ก” เผยผลตรวจสอบเรือมรณะ “ฟินิกซ์ ไดร์วิ่ง” ล่มกลางทะเลเฮ จ.ภูเก็ต วิเคราะห์ในเบื้องต้น เรือมีข้อบกพร่อง ไม่เหมาะนำออกทะเล แถมเสื้อชูชีพไม่มีมาตรฐาน มอก.นำไปสู่การเสียชีวิตกว่า 40 ศพ ระบุจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐาน เชื่อได้ว่า เรือฟินิกซ์ และเรือเซเรนาต้า เข้าข่ายนอมินีทุนจีน เครือข่ายทรานลี่ ลั่นถอนรากถอนโคนนอมินีให้หมดไปจากประเทศไทย 

เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (10 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการ ปปง. พล.ต.ต.กฤษำร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ.พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ชลิต ถิ่นธานี รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.ภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมพัฒนาธุรกิจและการค้า กรมสรรพากร ป่าไม้ สปก.กรมศุลากรกรมเจ้าท่า ฯลฯ ร่วมแถลงข่าวการตรวจสอบปราบปรามการประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่มีลักษณะและพฤติกรรมบริษัทชาวต่างชาติต้นทุนต่ำ หลังจากปฏิบัติการกวาดล้างนอมินีต่างชาติทำทัวร์ 11 จุด ในพื้นที่ภูเก็ตตลอดทั้งวันนี้ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือทั้งสองลำ

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า การบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดลงมาตรวจสอบในภูเก็ตวันนี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ทางตำรวจท่องเที่ยวประสานความร่วมมือกับ ปปง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำความจริงให้ปรากฏ และดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีที่เกิดเหตุเรือนำเที่ยวทั้งสองลำ คือ เรือฟินิกซ์ ไดร์วิ่ง และเซเรนาต้า ล่ม ที่เกาะเฮ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อปราบปรามการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในน่านน้ำอันดามัน

ผลการปฏิบัติตรวจสอบและตรวจค้นในครังนี้ สามารถ ตรวจยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจจำนวน 33 ชุด เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 9 เครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 3 เครื่อง สินค้าที่นำเข้าโดยการเลี่ยงภาษี 50 รายการจำนวนกว่า 1000 ชิ้น เสื้อชูชีพที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวน 21 ตัว วิทยุเครื่องบอกพิกัดเรืออย่างละ 1 เครื่อง

จับกุมผู้ต้องหา 2 รายในข้อหาบุกรุกป่าสงวนและรุกล้ำป่าชายเลนและข้อหาซื้อหรือรับไว้ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่เสียภาษีของต้องห้ามต้องจำกัดหรือของที่ไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องอันมีเจตนาฉ้อภาษีของรัฐ และซื้อหรือมีไว้ครอบครองสุราที่รู้ว่าต้องติดแสตมป์สุราแต่มิได้ปิดแสตมป์สุราหรือปิดแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนหรือมิได้ปิดแสตมป์สุราตามวิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎกระทรวง

โดยจากการตรวจสอบในส่วนของเรือฟินิกซ์ไดร์วิ่ง นั้น ปรากฏว่ามีนางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล หรือ ยุ้ย เป็นผู้ดูแล ได้เปิดดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว โดยบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด มีทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่าบริษัทดังกล่าวไม่มีสถานที่ตั้งบริษัทเป็นหลักแหล่ง มีความชัดเจนว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการในรูปของบริษัท นำไปสู่การเป็นนอมินีอย่างยิ่ง

และจากการตรวจสอบเอกสารทางด้านภาษีพบว่า น.ส.วรลักษณ์เป็นลูกจ้างในบริษัทแห่งหนึ่ง มีรายได้ในการยื่นจ่ายภาษี 500,000 บาท ในปีถัดมา มาเป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของเรือฟินิกซ์ ไดร์วิ่ง มีเงินลงทุน 20 – 30 ล้าน ซึ่งจุดนี้จะต้องตรวจสอบลึกลงไปอีกว่าเงินทุนได้มาอย่างไร และใครเป็นเจ้าของเงินทุนที่แท้จริง

ส่วนเรือเซเรนาต้านั้น เป็นเรือที่บริษัท เลซี แคท ทราเวล จำกัด เช่ามาจากบริษัท ทีซีจี ยอร์ช สิมิลัน จำกัด เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยว โดยมี น.ส.อัญชลี วิทยานันทพรกุล ซึ่งเป็นคนเชียงใหม่ เป็นกรรมการผู้จัดการ โดยมีนายเผิง ตา ผิง ซึ่งเป็นคนจีนเป็นผู้ดูแล

โดยเรือทั้งสองลำ ขายทัวร์ออนไลน์นักท่องเที่ยวจีนแบบวันเดย์ทริป เมื่อเรือไปถึงเกาะก็จะต้องรีบออกมาเพื่อที่จะให้บริการในวันถัดไป จากข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจสอบได้ในขณะนี้ เชื่อได้ว่าดำเนินการในลักษณะของนอมินี โดยให้คนไทยทั้งสองคนเป็นผู้ดำเนินการและดูแล
ธุรกิจที่ประเทศไทย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า บริษัท ทีซีจี ยอร์ช สิมิลัน จำกัด ซึ่งให้ทางบริษัท เลซี แคท ทราเวล เช่าเรือ มีนายอิทธิ์โรจ ชวาลพิพัฒน์พงศ์ (นายช้าง) เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และยังมีข้อมูลระบุอีกว่า นายอิทธ์โรจเคยเป็นผู้จัดการ บริษัท ทรานลี่ ซึ่งเป็นบริษัทนอมินีของจีน ที่ถูกดำเนินคดียึดทรัพย์ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท เมื่อปี 2558 ทำให้เชื่อได้ว่าทั้งสามบริษัทนี้มีความเกี่ยวโยงและเข้าข่ายนอมินี และยังตรวจพบอีกว่านายอิทธ์โรจได้บุกรุกที่ดิน สปก.ลงทุนสร้างบันไดทางลงวอเตอร์บีช จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาบุกรุกป่าไปแล้วในเบื้องต้น

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปตรวจสอบอู่ต่อเรือธนวัฒน์ ตั้งอยู่ที่คานเรือสิกิต ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นคานที่ต่อเรือฟินิกซ์ ไดร์วิ่ง เนื่องจากทางคณะทำงานทราบว่ามีการต่อเรือคู่แฝดของเรือฟินิกซ์ไดร์วิ่ง แต่เรือได้ถูกขนย้ายมาอยู่ที่แพแสงนอก มีการต่อแล้วประมาณ 70% และจากการดูพิมพ์เขียวของเรือลำคู่แฝดจากผู้เชียวชาญด้านการต่อเรือ ทำให้ทราบว่าเรือฟินิกซ์ไม่มีความสมบูรณ์ ไม่มีการทรงตัวที่ดีทุกสัดส่วน ไม่สามารถที่จะออกทะเลนำนักท่องเที่ยวจำนวนมากๆ ไปท่องเที่ยวได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ ประตู่ห้องเครื่องอยู่ที่ท้องเรือ เมื่อน้ำเข้าเรือ ทำให้เครื่องยนต์ดับ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเสื้อชูชีพพบว่า ไม่ได้มาตรฐาน มอก.เป็นเสื้อชูชีพที่ผลิตในโรงงานที่ลพบุรี แต่ในฉลากระบุว่าผลิตที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเรื่องนี้ได้ให้สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ทำการตรวจสอบข้อเท็จแล้ว

จากปัญหาในส่วนของตัวเรือและเสื้อชูชีพที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงนำไปสู่ความตายถึง 40 กว่าศพในครั้งนี้ อยากจะบอกถึงคนไทยที่เป็นนอมินีให้กับคนต่างชาติ ให้เลิกเสีย ตนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดให้ถึงที่สุด ในภูเก็ตนั้นเชื่อว่ายังมีอีกมากในเรื่องของนอมินี เมื่อมีการเก็บรวบรวมหลักฐานและกู้เรือขึ้นมาได้ ตนจะกลับมาดำเนินการกับนอมินีอีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดชอบในการปล่อยเรือ ตรวจเรือ ออกจากท่า หากตรวจสอบพบว่าบกพร่องในการทำหน้าที่ก็จะดำเนินตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ด้าน นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี 1 สำนักงานปปง. กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายฟอกเงินแล้ว 1 ลำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทที่เคยถูกศาลพิพากษาและดำเนินคดีไปแล้ว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เส้นทางการเงินของคนเหล่านี้ มีการหมุนเวียนในฐานข้อมูลของ ปปง.กว่า 1,000 ล้านบาท พบว่าเส้นทางการเงินมีการฉ้อฉล มีการกำหนดรูปแบบแผนประทุษกรรมในการหลบเลี่ยงมาตรการตรวจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่จะพบว่าเป็นนอมีนี มาตรการภาษี มาตรการเกี่ยวข้องกับกฎหมายปปง. แผนประทุษกรรมที่เกิดขึ้นเป็นแผนประทุษกรรมที่เกิดขึ้นอย่างสลับซับซ้อน