ทัพเรือภาคที่ 3 บูรณาการหลายหน่วยงานคุมเข้มจัดระเบียบท่าเรือท่องเที่ยว

โพสเมื่อ : Friday, July 13th, 2018 : 1.41 pm

ทัพเรือภาคที่ 3 บูรณาการหลายหน่วยงานคุมเข้มจัดระเบียบท่าเรือท่องเที่ยว ตรวจเข้มความพร้อมเรือก่อนออกจากฝั่ง นำร่อง 4 ท่าเรือหลักๆ เรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวกลับ หลังเกิดเหตุเรือล่ม คร่าชีวิตชาวจีน 47 ศพ เดินหน้ากู้ร่างถูกเรือทับ

ความคืบหน้าเหตุเรือฟีนิกซ์ล่ม ที่เกาะเฮ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 47 ราย ล่าเมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ก.ค.) ที่ศูนย์บัญชาการเหตุช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จ.ภูเก็ต (ศูนย์ควบคุมเรือยอชต์จังหวัดภูเก็ต) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์จีรพันธ์ เต้พันธ์ นายแพทย์สาธารสุขจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการกู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกเรือฟีนิกซ์ทับ 1 ศพ และการให้การช่วยเหลือเยียวญาติญาติผู้เสียชีวิต

นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากที่มีผู้สูญหายจากเหตุเรือล่มจำนวน 47 ราย ขณะนี้พบศพแล้ว 46 ราย อยู่ระหว่างการกู้ร่างที่ถูกเรือทับอยู่ใต้ทะเล 1 ศพ ทางศรชล.เขต 3 และทัพเรือภาคที่ 3 เข้าดำเนินการกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมา ซึ่งในเรื่องนี้จะดำเนินการจนกว่าจะสามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้

ส่วนศพผู้เสียชีวิตนั้นญาติประสงค์ที่จะให้เผาที่จังหวัดภูเก็ต 37 ศพ เผาแล้ว 20 ศพ เหลือที่จะต้องเผาอีก 17 ศพ และญาติได้นำกลับประเทศจีนแล้ว 7 ศพ ญาติยังไม่มาแสดงความประสงค์ใดๆ ทั้งสิ้น 1 ศพ โดยจะมีการสวดพระอภิธรรมศพทางศาสนาพุธที่วัดโฆษิตวิหารทุกคืน ในเวลา 19.30 น.

ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 2 ราย เดินทางกลับประเทศแล้ว 1 ราย เหลืออีก 1 รายกำลังดำเนินการในเรื่องของตั๋วเครื่องบินคาดว่าจะสามารถเดินทางกลับประเทศได้วันนี้หรือพรุ่งนี้

สำหรับการเยียวยาผู้เสียชีวิตนั้น ทางกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และบริษัทประกันภัย ได้จ่ายเงินชดเชยให้ญาติเป็นวงเงินรายละ 2.1 ล้านบาท เมื่อวานนี้ 6 ราย และในวันนี้จะจ่ายเพิ่มอีก 17 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการดำเนินการในเรื่องของเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยทุกขั้นตอนจะดำเนินการที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตแบบเบ็ดเสร็จ

ด้านพลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานในศูนย์รักษาผลประโยชน์ทางทะเลเขต 3 หรือ ศรชล.เขต 3 ยังคงดำเนินการกู้ร่างผู้ที่ถูกเรือทับอยู่อีก 1 ร่างให้เสร็จในเร็วๆนี้ หากสภาพอากาศเอื้ออำนวยคาดว่าจะดำเนินการกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ในวันสองวันนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของทัพเรือภาคที่ 3 ได้หารือร่วมกับทางเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางมาตรการดูแลความปลอดภัยการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งจากการประชุมร่วมกันเมื่อวานที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปที่จะดำเนินการร่วมกันดังนี้ คือ

บูรณาการเจ้าหน้าที่จาก ทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าท่าสาขาภูเก็ต ตำรวจน้ำ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวกที่บริเวณท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวก่อนที่นักท่องเที่ยวจะขึ้นเรือและเรือจะออกจากฝั่งเรือที่มีขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป โดยเริ่มดำเนินการใน 4 ท่าเรือหลักๆ คือ ท่าเรืออ่าวฉลอง ท่าเรือรัษฎา ท่าเรืออ่าวปอแกรนด์มารีน่า และท่าเรือวิศิษฐ์พันวา

โดยก่อนเรือจะออกจากท่านั้น ปกติจะมีเจ้าหน้าที่ของเจ้าท่ารับผิดชอบตรวจสอบความพร้อมของเรืออยู่แล้ว ทางเราจึงได้จัดกำลังไปเสริม เพื่อควบคุมจัดระเบียบเรือท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงเรือแต่ละลำ เรือนำนักท่องเที่ยวไปบริเวณใด ความพร้อมของกัปตันเรือ สภาพเรือ อุปกรณ์ช่วยชีวิตในเรือหากเกิดเหตุไม่คาดคิด ผู้ดูแลนักท่องเที่ยว และได้เน้นย้ำในส่วนของผู้ดูแลนักท่องเที่ยวที่จะไปดำน้ำจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดคือ ไดร์มาสเตอร์ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 4 คน หากไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนดจะไม่มีการปล่อยเรือออกจากท่าโดยเด็ดขาด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

รวมทั้งส่งเรือลาดตระเวนทั้งในส่วนของเรือจากทัพเรือภาคที่ 3 เรือตรวจการเจ้าท่า เรือตรวจการณ์ประมง ฯลฯ เพื่อเฝ้าระวังเหตุ หากเกิดอะไรขึ้นจะได้แจ้งเตือนและเฝ้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที ลดความสูญหายที่จะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังแถลงข่าวนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พลเรือโทสมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้เดินทางไปยังจุดปฏิบัติการกู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกเรือทับในจุดเกิดเหตุเรือล่ม เพื่อประเมินสถานการณ์และให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน

ขณะที่สื่อมวลชนจากจีน ยังให้ความสำคัญในเรื่องของการประกาศเตือนและการห้ามเรือออกจากฝั่ง โดยเฉพาะในประเด็นการขึ้นธงแดงที่บริเวณหน้าท่าเทียบอ่าวฉลอง แต่ยังมีเรือพร้อมนักท่องเที่ยวออกจากท่าไปท่องเที่ยวยังเกาะแก่งและกลางทะเลในทุกๆวัน

นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 กล่าวว่า ยังมีคำเตือนให้เดินเรืออย่างระมัดระวังไปจนถึงวันที่ 15 ก.ค.นี้ จากคลื่นลมแรง และเรือเล็กห้ามออกจากฝั่ง ส่วนเรือที่มีขนาดใหญ่สามารถที่จะออกจากท่าได้ แต่จะต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนการขึ้นธงแดงและธงเขียวที่หน้าท่าเทียบเรือนั้น หลังจากนี้จะมีการปรับปรุงการขึ้นธงแจ้งเตือน