ดับอนาถผู้ต้องหาผูกคอตัวเองเสียชีวิตคาห้องขัง สภ.เชิงทะเลภูเก็ต

ดับอนาถ ผู้ต้องหาคดีบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนฯ ใช้เสื้อผูกคอลาโลกภายในห้องขังของ สภ.เชิงทะเล

เมื่อเวลา 05.45 น. วันนี้ (14มี.ค.) พ.ต.ท.รัษฎา กลึงวงศ์ รองผกก.(สอบสวน)สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสิบเวรควบคุมตัวผู้ต้องหา ว่า มีผู้ต้องหาที่อยู่ในห้องขังของ สภ.เชิงทะเล ผูกคอตายภายในห้องขัง สภ.เชิงทะเล ขอให้ไปตรวจสอบด้วย หลังจากรับแจ้งจึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริม ขวัญนิมิต ผกก.สภ.เชิงทะเล แพทย์เวรโรงพยาบาลถลาง ปลัดอำเภอถลาง พนักงานอัยการ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานภูเก็ต

ที่เกิดเหตุภายในห้องขัง พบศพ นายรสนิยม พูดดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2458 ม.1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามความผิดฐาน บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนฯ สภาพยืนหันหลังให้ห้องขัง ไม่สวมเสื้อ โดยได้ใช้เสื้อยืดแขนสั้นผูกกับลูกกรงเหล็กห้องขังทำเป็นบ่วงแล้วคล้องคอตนเองห้อยตัวลงกับพื้นที่ ทำให้เสียชีวิตในที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ฯมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตจึงได้นำศพส่งโรงพยาบาลถลาง เพื่อให้แพทย์ชันสูตร

สำหรับผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ถูกจับกุมมาเมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 13 มี.ค.60 ที่ผ่านมา และช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ (13มี.ค.) พ.ต.ต.สากล ไกรนรา สว.(สอบสวน)สภ.เชิงทะเล ได้นำผู้ต้องหาคนดังกล่าวมาสอบปากคำ ทราบว่า ผู้ต้องหามีอาชีพเดินเร่ขายของให้กับนักท่องเที่ยวตามชายหาดกมลา หาดสุรินทร์ โดยเมื่อวันที่ 12 มี.ค.60 ได้นั่งรถสองแถวไปลงที่วงเวียนหาดสุรินทร์แล้วได้เดินขายของตามชายหาด ช่วงค่ำวันเดียวกันได้ปีนกำแพง เข้าไปภายในบ้านชาวต่างชาติ ระหว่างนั้นมีสุนัขภายในบ้านเห่าส่งเสียงดังทำให้คนเฝ้าออกมาดูและผู้ต้องหาได้วิ่งไปหลบซ่อนตัวที่โรงจอดรถ คนเฝ้าบ้านเห็นจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจับกุมในที่สุด และจากการสอบสวนในเบื้องผู้ต้องหาไม่ได้ประสงค์จะเข้าไปขโมยทรัพย์สิน เพียงแต่มีอาการหลอนคิดว่าจะมีคนมาฆ่า จึงปีนเข้าไปภายในบ้านดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่เกิดอาการเนื่องจากผู้ต้องหาเคยรักษาอาการทางจิตมาก่อนแต่มาระยะหลังไม่กินยาต่อเนื่องจึงเกิดอาการดังกล่าวชึ้น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ พ.ต.ต.สากล ไกรนรา สว.(สอบสวน)สภ.เชิงทะเล นำมาผู้ต้องหามาสอบปากคำไม่มีความเครียดแต่อย่างใด  แต่อาจจะเหงาขณะถูกคุมขังเนื่องจากอยู่คนเดียวในห้องขังจึงตัดสินใจดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวนและประสานญาติให้มารับศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป