ชุดไกรทองคว้าน้ำเหลวยังจับจระเข้ซุกขุมน้ำที่ภูเก็ตไม่ได้ วางแผนล่าใหม่

โพสเมื่อ : Thursday, August 31st, 2017 : 7.56 am

ยังไม่สำเร็จ ทีมไกรทองแห่งลุ่มน้ำตาปี จับมือเอกชน จนท.ประมงจังหวัดภูเก็ต ออกปฏิบัติการทั้งคืนแต่คว้าเหลว ทำได้แค่เฉียดไม่ยอมให้จับ เรือเข้าใกล้มุดน้ำหนีทันที ฟ้าสางชุดล่าขอหยุดวางแผนล่าใหม่คืนนี้ จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ ป้องกันหนีลงทะเลอีก

จากกรณีที่มีการโพสต์ภาพจระเข้ขนาดใหญ่ กำลังว่ายน้ำอยู่ในทะเล หน้าหาดเลพัง ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวดังในสังคมโซเซียล ซึ่งหลังจากเกิดเหตุนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ประมงจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง  และ องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ออกตรวจสอบเพื่อหาจระเข้ตัวดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ ( 30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ที่ออกตรวจสอบได้พบเห็นจระเข้ กำลังว่ายน้ำอยู่ในขุมน้ำสาธารณะขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ ใกล้กับหาดเลพัง ซึ่งห่างจากจุดที่พบจระเข้ว่ายน้ำอยู่ในทะเลประมาณ 300 เมตร

อย่างไรก็ตามหลังจากมีการตรวจพบว่าจระเข้ว่ายน้ำอยู่ในขุมน้ำขนาดใหญ่ นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัดภูเก็ต ได้ประสานขอเจ้าหน้าที่ที่มีความชำนาญในการจับจระเข้น้ำจืดปฏิบัติการจับจระเข้ตัวดังกล่าว พร้อมกับประสานไปยังนายอำเภอถลาง เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่มาเฝ้าระวังตามจุดต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้ว่ายน้ำออกไปยังจุดอื่น รวมทั้งขอสนับสนุนพนักงานจาก ภูเก็ต คร็อกโคไดล์ เวิลด์ เพื่อมาช่วยจับจระเข้ ซึ่งถือว่าเป็นหมอจระเข้อีกคนหนึ่ง

 

จนกระทั้งเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดไกรทองแห่งลุ่มน้ำตาปี นำโดย นายนิคม สุขสวัสดิ์  เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามน้ำจืดภาคใต้ สุราษฏร์ธานี เจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต โดยนายไพศาล สุขปุณพันธ์ และเจ้าหน้าที่จาก ภูเก็ต คร็อกโคไดล์ เวิลด์ เดินทางมาถึงขุมน้ำจุดที่พบจระเข้ว่ายน้ำอยู่ พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการจับจระเข้ และเครื่องมือตรวจจับ โดยมีประมงจังหวัดภูเก็ต และนายอำเภอถลาง รวมทั้งประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตเฝ้าติดตาม

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ซึ่ง มีนายไพศาล เป็นหัวหน้าทีม ได้แบ่งกำลังออกปฏิบัติการในการไล่ต้อนจระเข้ให้จนมุมออกเป็น 2 จุด คือชุดที่ลงไปปฏิบัติการในขุมน้ำ ซึ่งมีด้วยกัน 3 คน ใช้เรือ 2 ลำ ในการไล่ต้อนต้อนจระเข้เพื่อให้เข้าไปยังจุดที่มีการวางอวนเอาไว้ โดยอวนที่นำมาวางดังจระเข้มีความยาวประมาณ 300 เมตร และอีกจุดปฏิบัติการเฝ้าระวังบนบกเพื่อป้องกันไม่ให้จระเข้ขึ้นฝั่ง โดยเริ่มปฏิบัติการในเวลาประมาณ 20.00 น. โดยเรือทั้ง 2 ลำต้องใช้พายในการเคลื่อนตัวเท่านั้นเนื่องจากไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ได้ เพราะเสียงดังจะทำให้จระเข้ตื่นและไม่ลอยตัวขึ้นมาเหนือน้ำ

อย่างไรก็ตามจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่พบว่า สามารถที่จะพายเรือเข้าไปหาจระเข้ได้หลายๆครั้ง ซึ่งจุดแรกที่พบ พบว่าจระเข้ลอยตัวอยู่กลางขุมน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำลึกไม่น้อยกว่า 15 เมตร ทางเจ้าหน้าที่พยายามไล่ตอนเพื่อให้เข้าใกล้ฝั่งที่สุด หรือเข้าใกล้จุดที่วางอวน เพื่อที่จะใช้เชือกคล้อง แต่เหมือนจระเข้จะรู้ตัว เมื่อเรือเข้าใกล้ก็จะมุดน้ำหนีทันที ซึ่งพบว่าในการปฏิบัติงานจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้ง

แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ละความพยายาม ยังคงเดินหน้ากดดันเพื่อให้จระเข้อ่อนแรงลงมาที่สุด ซึ่งบางครั้งสามารถนำเรือเข้าไปใกล้ตัวจระเข้ได้มากที่สุดโดยห่างกันแค่ประมาณ 1 เมตรเท่านั้น จนกระทั้งเวลา 05.30 น. วันนี้ ( 31 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ต้องหยุดปฏิบัติการเนื่องจากฟ้าสางจระเข้จะไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็น ซึ่งการล่าในช่วงกลางวันไม่สามารถทำได้ แต่ก็มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณขุมน้ำตลอดเวลา ซึ่งคาดว่าจระเข้อาจจะว่ายน้ำเข้าหาฝั่งเพื่อนอนอาบแดดนอกจากนั้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่า ก็ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนในการไล่ล่าจระเข้ตัวดังกล่าวใหม่สำหรับคืนนี้

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ ทราบว่า การไล่ล่าในข่วงกลางคืนเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานจะสามารถมองเห็นจระเข้ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งมีสิ่งรบกวนน้อย จระเข้จะไม่เห็นคนล่า แต่การปฏิบัติงานในขุมน้ำดังกล่าวพบว่ามีอุปสรรคมากพ่อสมควร เนื่องจากขุมน้ำดังกล่าวกว้างใหญ่หลายสิบไร่ น้ำลึก จระเข้สามารถที่จะว่ายน้ำไปยังจุดใดก็ได้ ทำให้การปฏิบัติงานในครั้งนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะต้องมีการปรับแผนการทำงานใหม่อีกครั้ง