ชุดปราบยาเสพติด สภ.เมืองภูเก็ต ตามกัดไม่ปล่อย รวบหนุ่มนามสกุล “มโนแจ่ม” พร้อมยาบ้า – ไอซ์ เพียบ

โพสเมื่อ : Wednesday, June 26th, 2019 : 8.35 am

 

ชุดปราบปราบยาเสพติดสภ.เมืองภูเก็ต ตามกัดไม่ปล่อย รวบหนุ่มนามสกุล “มโนแจ่ม” เครือข่ายยาเสพติด “แบงค์ ตันหลิม” ยึดยาไอซ์ 84.45 กรัม ยาบ้า จำนวน 5,650 เม็ด ส่วนตัวการใหญ่ยังไม่จนมุมหาตัวตายตัวแทนทำงานต่อ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สมพงศ์  ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต นำโดย ร.ต.อ.ธีรศักดิ์ นราศรี รอง สวป.สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติด  สภ.วิชิต ร่วมจับกันกุมนาย ใบไผ่ หรือต้าร์ มะโนแจ่ม อายุ 22 ปี ชาว ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางคือ ยาไอซ์ จำนวน 2 ถุง น้ำหนักประมาณ  84.45 กรัม  ยาบ้า 29 ถุงจำนวน 5,650 เม็ด  เครื่องชั่งดิจิตอล  จำนวน 1 เครื่อง อุปกรณ์การเสพยาไอซ์  จำนวน  1  ชุด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Samsung จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Oppo สีขาว-ทอง จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ห้องพักแห่งหนึ่งภายใน ซอยสะพานหิน 4 ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่า “นาย ต้าร์” มีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต และ มักพกยาเสพติดไว้กับตัวอยู่เป็นประจำ  โดยก่อนจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง สายลับได้แจ้งเพิ่มเติม ว่า นาย ใบไผ่ หรือต้าร์ มะโนแจ่ม ผู้ถูกจับ กำลังเดินทางเข้ามายังในพื้นที่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยเดินทางด้วยรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อMG สีฟ้า หมายเลขทะเบียน 4630 ภูเก็ต (จำหมวดอักษรไม่ได้) ผ่านเส้นทาง ถนนดาวรุ่งตัดใหม่ อำเภอตลาดเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้กระจายกำลังเพื่อคอยเฝ้าซุ่มสังเกตดู จากนั้น พบเห็น รถยนต์ตามที่รับแจ้งขับผ่าน จึงได้ติดตามจนมาถึงหน้าหอพักแห่งหนึ่งในซอยสะพานหิน 4 ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว จอดที่หน้าหอพัก ส่วนนายต้าร์ ลงมาจากรถและเดินถือสิ่งของบางอย่างคล้ายถาดพลาสติก สีน้ำตาล เข้าภายในอาคารหอพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้ติดตามจนมาถึงหน้าห้องพัก และได้แสดงตัวขอตรวจสอบ ก่อนพบของกลางทั้งหมด  จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางก่อนนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผล

ทั้งนี้จากการสอบสวน นายต้าร์ ยอมรับ ว่า ยาไอซ์และยาบ้า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจยึดเป็นของตนจริง โดยตนได้ติดต่อซื้อขายยาไอซ์และยาบ้า จาก “นายพี่” (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) มาแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยเมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา ตนได้รู้จักและสนิทสนมกันกับ “นายแบงค์” นาย ณฐกร ตันหลิม ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมด้วยของกลางเป็นยาเสพติดเป็นจำนวนมาก จากนั้นเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ได้มีโทรศัพท์ ติดต่อเข้ามายังตนและแจ้งให้ตนทำหน้าเก็บและแจกจ่ายยาเสพติดและชดใช้ค่ายาเสพติดในราคา ประมาณ 300,000 บาท แทน นาย ณฐกร หรือแบงค์ ตันหลิม

และในวันที่ 23 มิ.ย. “นายพี่”ได้ติดต่อและแจ้งให้ไปเก็บยาไอซ์ จำนวน 30 กรัม ซึ่งซุกซ่อนไว้ในกล่องยากันยุง วางไว้ที่เสาไฟฟ้า หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต หลังจากนั้นให้ตนนำยาไอซ์ จำนวน 30 กรัม ดังกล่าวไปวางไว้ให้กับ “นายนิค” (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) โดยตนได้วางไว้ที่ถังดับเพลิง อยู่ที่ฝาผนังชั้นที่ 3 หอพักดังกล่าว จากนั้น“นายพี่” ได้ติดต่อและโอนเงินค่าเก็บและแจกจ่ายยาไอซ์ มาให้กับตน จำนวน 1,000 บาท และให้ตนแบ่งยาไอซ์เก็บไว้ จำนวน 1 กรัม เพื่อเป็นค่าจ้าง  ที่ผ่านมาตนได้โอนเงินเพื่อชำระค่ายาไอซ์ให้กับ “นายพี่” และ”นายพี่” ได้โอนเงินค่าจ้างจากการที่ตนเก็บยาเสพติดและนำไปแจกจ่ายให้กับลูกค้าต่างๆ

ส่วนยาไอซ์และยาบ้า ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจยึดได้นั้น เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 เวลาประมาณ 13.00 น. “นายพี่” ได้ติดต่อและแจ้งให้ตนเดินทางไปเก็บยาไอซ์ จำนวน 100 กรัม และ ยาบ้า จำนวน 6,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในถุงพัสดุ สีขาว-ดำ วางไว้ที่ริมถนนซอยไสยวน ตำบลราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต จากนั้นตนจึงได้เดินทางไปเก็บยาไอซ์และยาบ้าดังกล่าวแล้วมาซุกซ่อนไว้ที่ภายในห้องพัก

จากนั้น “นายพี่” ได้ติดต่อและแจ้งให้ตนแบ่งยาบ้าจำนวน จำนวน 200 เม็ด เก็บไว้เพื่อเป็นค่าจ้าง และให้ตนแบ่งยาบ้า จำนวน 200 เม็ด ไปแจกจ่ายให้กับ “นายดำ” (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) โดยนำไปซุกซ่อนไว้ในกล่องข้าวอาหารตามสั่งแล้ว นำไปวางที่ตะกร้ารถจักรยานยนต์ (ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน) ซึ่งจอดไว้ที่ลานจอดรถของหอพักที่เกิดเหตุ ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว

โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า  “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์,ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป