ชาวเลราไวย์ บุกโรงพักฉลอง ให้กำลังใจเพื่อนบ้านถูกจับข้อหาบุกรุก

โพสเมื่อ : Tuesday, April 2nd, 2019 : 9.05 am

ชาวเลราไวย์ กว่า 100 คน บุกโรงพัก สภ.ฉลอง ให้กำลังใจ  2 ชาวเล ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับ ฐาน บุกรุกฯ หลังถูกผู้อ้างกรรมสิทธิ์ในดิน แจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่พิพาทหน้าหาดราไวย์
เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจภูธรฉลอง กลุ่มชาวเลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ นางสาว วีรวรรณ หาดทรายทอง อายุ 36 ปี และ นาง บุญใจ พลรบ อายุ 56 ปี 2 ชาวเลราไวย์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต และ ชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ร่วมจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่  จ/2558 คดีอาญาที่ 234/2559  และหมายจับที่ จ320/2559
หลังตกเป็นผู้ต้องหา ในคดี “ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้น ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์เข้าโดยปกติสุข  โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคน” โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2559 ในที่ดินโฉนดเลขที่ 12592 เล่ม 78 หน้า 13 ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต
 ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 16.00 น.เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับทั้งสองราย อยู่ในพื้นที่หาดราไวย์ จึงได้เข้าแสดงหมายจับและชี้แจง ทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวเล ก่อนเชิญตัวทั้ง 2 คน มายังกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัด และ ส่งกลับไปยัง สภ.ฉลอง เพื่อทำบันทึกจับกุม และหลังจากที่ทำบันทึกจับกุมเสร็จ พนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ใช้หลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวชาวเลทั้ง 2 ได้ ซึ่งหลังอนุญาตให้ประกันตัวชาวเลส่วนใหญ่ก็ได้ทยอยเดินทางกลับ
สำหรับคดีดังกล่าว เป็น 1 ในคดีพิพาท ที่เกิดขึ้นระหว่างชาวเล และผู้อ้างกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่หาดราไวย์ ซึ่งที่ดินดังกล่าว(โฉนดเลขที่ 12592 เล่ม 78 หน้า 13 ม.2 ต.ราไวย์) ปัจจุบันเป็นอาคาร 3 ชั้น มีชาวเล (ผู้ถูกดำเนินคดี 2 ราย) อาศัยอยู่โดยอ้างตามสิทธิ์ครอบครองพื้นที่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ขณะเดียวกันก็มีผู้ออกเอกสารสิทธิ์และขายต่อหลายทอด จนกระทั่ง เอกสารสิทธิ์ตกไปอยู่กับสถาบันการเงิน ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี และ มีการขายทอดตลาด และต่อมาได้มีผู้ซื้อรายใหม่อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ก่อนแจ้งความดำเนินคดีกับชาวเลดังกล่าว
 อย่างไรก็ตามในส่วนของพี่น้องชาวเลซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านจะมีการพูดคุยหารือกันภายใน รวมถึงพูดคุยกับทนายความ เพื่อเตรียมหลักฐานสู้คดีในชั้นศาลต่อไป