จนท.สนธิกำลังตรวจโรงแรมทรานลี่ ปปง.ยึดสอบ 90 วัน ระบุเปิดบริการได้ปกติ

ตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ปปง.ทหาร – ตำรวจ นำกำลังเข้าตรวจสอบ อายัดโรงแรมหรูในเครือบริษัททราลลี่ฯ บนเกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา 90 วัน ขณะที่ผู้บริหารระบุซื้อหุ้นต่อมาจากผู้บริหารชุดเก่า พร้อมมีเอกสารสิทธิที่ดินพร้อม พบผลดำดเนินการทำนทท.ยกเลิกการเข้าพักกว่า 40 % ขณะที่ จนท.แจงโรงแรมยังเปิดได้ตามปกติแต่ผลประกอบการและทรัพย์สินทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ ปปง.

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วย นายศรีพงษ์ บุตรงามดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นาย ปิยะ ศรีวิกะ นิติกรชำนาญการสำนักงาน.ปปง. พ.ต.อ.สมาน ไชยณรงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต,ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา, ตำรวจน้ำ,ตำรวจป่าไม้ฯลฯ สำนักพัฒนาธุรกิจการค้า เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.41 เทศบาลตำบลพรุใน ร่วมตรวจสอบโรงเเรมบลูเบย์รีสอร์ท เลขที่ 89 หมู่ 7 ต.พลุใน อ.เกาะยาว (ใหญ่) จ.พังงา

เพื่ออายัดทรัพย์สินและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง นำมาตรวจสอบ จากพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับเครือบริษัทข่ายทรานลี่ ทราเวล จำกัด หรือไท่ลี่ ทราเวล จำกัด ที่มีการดำเนินคดีกับกรรมการบริหารบริษัท จำนวน 2 คน ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวปลอมเเปลง เอกสารบัตรประชาชนเข้ามาจดทะเบียนประกอบธุรกิจโดยผิดกฏหมาย รวมทั้งข้ออั้งยี่ โดยมีการเปิดบริษัทขยายกิจการจำนวน 17 บริษัท เเละ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าบริษัทมีการเลี่ยงภาษี จนนำไปสู่การยึดอายัดทรัพย์สินตามกฎหมายตามมติคณะกรรมการ ปปง.

อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง ได้พบกับบุคคล ซึ่งอ้างว่าเป็นกรรมการบริหาร รวมทั้ง ทนายความ โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายศาลฯเพื่อขอตรวจค้น ตรวจสอบ ขณะที่ ปปง.ได้แจ้งอายัดชั่วคราวทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ โดยชี้แจงว่ากิจการโรงแรมสามารถดำเนินการต่อไปได้แต่ผลประกอบการและทรัพย์สินทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ ปปง.ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ ตร.ปรามปราบการกระทำผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือ ปทส.ตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ที่ดินตามที่มีการแสดงเอกสารสิทธ์ด้วย

สำหรับการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ ทางบุคคลที่แจ้งว่าเป็นกรรมการบริหารโรงแรม และทนายความ ได้ให้ความร่วมมือพร้อมเซ็นเอกสารรับทราบ ก่อนจะนำเอกสารหลักฐานการครอบครอง มาเเสดงสิทธิ์ และชี้เเจงในเบื้องต้น ว่า มีเอกสารสิทธิ์เป็น นส.3 จำนวน 7 เเปลง เนื้อที่ประมาณ 19 ไร่ เศษ โดยอ้างต่อว่า เป็นการซื้อหุ้นโรงแรมดังกล่าว เเละ เข้ามาบริหารต่อจากรายเดิมเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามขณะเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบภายในโรงแรมในครั้งนี้ ทางผู้บริหารโรงแรมระบุว่า นักท่องเที่ยวที่พักอยู่ได้ยกเลิกการพักและย้ายออกจากโรงแรมมากกว่า 40 %

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลัง ออกเป็น 7 ชุด ตรวจสอบ แนวเขตที่ดินตาม เอกสารสิทธิ์ 7 แปลง รวมถึงตรวจสอบทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พร้อมทั้งทำบันทึกอย่างละเอียด โดยมีพนักงานโรงแรมเป็นผู้นำตรวจ

ขณะที่นายปิยะ ศรีวิกะ นิติกรชำนาญการ ปปง. ชี้เเจงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินตามมติของคณะกรรมการปปง.ซึ่งน่าเชื่อว่าโรงแรมดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกิดจากการกระทำความผิด จึงต้องมีการอายัดไว้เพื่อตรวจสอบเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งผู้เป็นเจ้าของสามารถยื่นเอกสารหลักฐานโต้แย้งได้ โยการดำเนินการของ ปปง.จะดำเนินการอย่างเป็นธรรม ไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว ระหว่างอายัดเพื่อตรวจสอบนี้ จะให้ดำเนินกิจการได้ตามปกติเเต่ให้ส่งบัญชีรายได้ ผลกำไรทั้งหมดให้ ปปง.เป็นผู้ดูแล จนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว การเข้าดำเนินการในวันนี้เป็นการดำเนินการแบบบูรณาการ ภายใต้กฏหมายปปง.ซึ่งมีอำนาจสูงสุด ซึ่งเป็นไปตามหลักกฏหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกตรวจสอบ และให้กระทบกับการท่องเที่ยวน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามสำหรับโรงแรมดังกล่าว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีเนื้อที่ประมาณ 19 ไร่เศษ อยู่ติดชายหาด ก่อสร้างเป็นที่พักวิลล่าหรูส่วนตัวให้บริการนักท่องเที่ยวกว่า 330 ห้อง