คงสภาพที่ราชพัสดุจุดสร้างรั้วบนชายหาดบางเทา แต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง พร้อมดำเนินการตามกฎหมาย

โพสเมื่อ : Friday, July 31st, 2020 : 3.32 pm

ธนารักษ์ยังคงสภาพที่ราชพัสดุ จุดที่มีการสร้างรั้วสังกะสีบนชายหาดบางเทา ระบุเป็นที่ดินราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ไม่มีผู้ใดมีสิทธิเข้าครอบครองหรือเข้าทำประโยชน์ได้ เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย  

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ ( 31 ก.ค.) นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล พร้อมด้วย ผู้แทนจากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต และ เจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ที่ดินอำเภอถลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่มีการสร้างรั้วสังกะสี บนชายหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ความยาวประมาณ 200 เมตร ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าทางผู้ครอบครองที่ดินราชพัสดุที่ได้มีการสร้างรั้วสังกะสีได้รื้อรั้วออกไป แต่ยังเหลือร่องร่องของเสาเหล็ก รวมทั้งเศษไม้และเศษสังกะสีที่ยังอยู่บนชายหาดบางส่วน นอกจากนั้นพบว่าบริเวณที่ดินแปลงดังกล่าวมีการปรับพ้นที่บริเวณแนวต้นสนบางส่วนและมีการยกโครงเหล็ก และมีการสร้างห้องน้ำบางส่วน

อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ผู้แทนจากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดภูเก็ต ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการขอสัมปทานเหมืองแร่ ที่มีการบังคับซื้อมาชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์จำนวน 202 แปลง เพื่อมาออกสัมปทานบัตรเหมืองแร่ให้กับผู้ที่มาข้อสัมปทาน และ มีเงื่อนไขว่าเมื่อเลิกทำเหมืองแร่แล้วจะต้องขายคืนให้กับเจ้าของเดิม โดยที่ดินแปลงนี้หมดประทานบัตรเหมืองแร่ไปเมื่อปี 2502

เมื่อหมดสัมปทานบัตรแล้ว ชาวบ้านก็ได้มีการขอซื้อคืน ซึ่งขณะนี้มติ ครม.ออกมาให้ขายคืนให้กับเจ้าของที่ดินเดิม ได้เมื่อปี 2529 อย่างไรก็ตามหลังมีมติดังกล่าวออกมาก็ได้มีการรังวัดและกันแนวเขตต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งในส่วนของถนนและชายหาด ขณะนี้รอเพียงพรบ.การขายคืนออกมาเท่านั้น ซึ่งขณะนี้มีการออกโฉนดเรียบร้อยแล้วแต่อยู่ในนามของกระทรวงการคลัง

ส่วนระยะนี้ซึ่งยังไม่มี พรบ.ขายคืนออกมา คนที่ครอบครองที่ดินราชพัสดุในบริเวณดังกล่าวไม่ทำอะไรเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวได้ เพราะฉะนั้นการทำรั่วหรือก่อสร้างไม่สามารถทำได้ ในกรณีที่มีการดำเนินการทางธนารักษ์ก็จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ระบุ ว่า เรื่องการทำรั้วของคนที่อ้างสิทธิ์ในที่ดินราชพัสดุดังกล่าวพยายามเคยทำรั้วมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ทาง อบต.ก็ได้เข้าไปเจรจา จนยกเลิกไปเพราะภาพที่ออกมาน่าเกลียดมีการสร้างอยู่บนกลางหาด จนกระทั่งมาเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการดำเนินการสร้างร้านอาหาร ร้านนวด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่คาบเกี่ยวระหว่างที่ดินราชพัสดุซึ่งผู้ดูแลคือกรมธนารักษ์ และชายทะเลซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า ซึ่งในหลักฐานไม่ปรากฏคำว่าหาดสาธารณะ

จึงได้สอบถามกับทางผู้แทนจากเจ้าท่า และผู้แทนจากสำนักงานธนารักษ์ว่าจะเปลี่ยนสภาพที่ดินที่มีปัญหาหรือไม่ เพราะสภาพที่ชาวบ้านเห็นในปัจจุบันคือพื้นที่ดังกล่าวเป็นชายหาดควรจะเป็นชายหาดสาธารณะ แต่ทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันว่าไม่สามารถเปลี่ยนสภาพหรือแก้ไขให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ จึงสรุปได้ว่าแนวเขตของธนารักษ์ของที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่บนชายหาด เนื่องจากที่ผ่านมามีการกัดเวาะชายหาดเข้ามาเรื่อย ๆ จากแนวเขตที่ดินที่อยู่ริมชายหาดก็ถูกกัดเซาะจนไปอยู่กลางหาดตามสภาพที่เห็นในปัจจุบัน

เมื่อไม่มีการเปลี่ยนสภาพ ตนในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล หรือ อำเภอที่มีหน้าที่ในกการดูแลชายหาดสาธารณะไม่สามารถที่จะเข้าไปดูแลในพื้นที่ดังกล่าวได้ เพราะไม่ได้มีการระบุว่าเป็นชายหาดสาธารณะ หากมีการเปลี่ยนสภาพและระบุให้เป็นชายหาดสาธารณะและมีคนเข้าไปก่อสร้าง ปรับพื้นที่ก็สามารถที่จะแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะต้องให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอบกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง ส่วนถ้ามีการทำผิดในพื้นที่ของธนารักษ์ หรือของเจ้าท่า ทางทั้ง 2 หน่วยงาน จะต้องเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงานต่อไป

ส่วนการก่อสร้างในพื้นที่นั้น ขณะนี้ขอยืนยันว่าทางเทศบาลยังไม่มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างให้กับพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องที่ดินดังกล่าวจะมีการเช่าจากราชพัสดุหรือไม่อย่างไรตนไม่ทราบ ต้องเป็นหน้าที่ของทางธนารักษ์ ในส่วนของอบต.ก็ต้องว่ากันไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยข้อเท็จจริงแล้วอยากให้มีการถอนสภาพพื้นที่ดังกล่าวเป็นชายหาดสาธารณะเพราะถ้าใครเห็นสภาพมีความชัดเจนว่าปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวเป็นชายหาด

ขณะที่ผู้แทนจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตได้ทำรายงานการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชา ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตได้รายงานผลการตรวจสอบระบุ ว่า 1. องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ได้ดำเนินการให้ผู้ก่อสร้างรื้อถอนแนวรั้วสังกะสีที่ปิดกั้นพื้นที่ทางลงหาดออกจากชายหาดแล้ว

2.ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก.263 ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และยังเป็นที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ จึงไม่มีผู้ใดมีสิทธิเข้าครอบครองหรือเข้าทำประโยชน์ได้ ทั้งนี้ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ตจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป