กรมป่าไม้เข้ม อธิบดีนำทีมชุดพยัคฆ์ไพร ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ลุยตรวจเองธุรกิจซิปไลน์

โพสเมื่อ : Monday, July 3rd, 2017 : 9.45 pm

อธิบดีนำทีมชุดพยัคฆ์ไพร ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตรวจสอบธุรกิจซิปไลน์ รุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ พบมีการกระทำผิด เจ้าของอ้างเช่าที่ดินดำเนินกิจการ

วันนี้ ( 3 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดยนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รอง ผบ.ร.25 พัน 2 คณะทำงานรักษาความสงบเรียบร้อย ชุดเฉพาะกิจ มทบ.44 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการลงพื้นที่ตรวจสอบ การก่อสร้างเครื่องเล่นซิปไลน์ ที่ผิดกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ

ภายหลังได้รับการร้องเรียน จากกรณีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจากการเข้าไปใช้เครื่องเล่นดังกล่าวในจังหวัดเชียงใหม่ กรมป่าไม้จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจเครื่องเล่นซิปไลน์ทั่วประเทศ ซึ่งตรวจพบและดำเนินคดีกับผู้ประกอบการไปแล้ว จำนวน 7ราย ได้แก่ จังหวัดระยอง 1 แห่ง ได้ดำเนินการรื้อถอนแล้ว   จังหวัดเชียงใหม่ 6 ราย  ดำเนินการรื้อถอนไปแล้ว จำนวน 2 ราย  อีก 1 ราย อยู่ระหว่างการติดประกาศ  ตามมาตรา25

สำหรับในจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆในเขตจังหวัดภูเก็ต เบื้องต้นพบการทำธุรกิจซิปไลน์ จำนวน 4 ราย 1 ราย อยู่ในพื้นที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ เป็นพื้นที่ สปก. และ อีก 3 ราย น่าจะผิดกฎหมายซึ่งจะมีการเข้าตรวจสอบดำเนินคดีในปฎิบัติการครั้งนี้

ทั้งนี้เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (3 ก.ค.) อธิบดีกรมป่าไม้  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างเครื่องแล่นซิปไลน์ บนเทือกเขากมลา ซอยน้ำตกกะทู้ ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นการดำเนินการตรวจสอบการก่อสร้างเครื่องเล่นซิปไลน์ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศ  โดยมีนายสุสรัญ โต๊ะพาน แสดงตัวเป็นเจ้าของเครื่องเล่นซิปไลน์ บนเทือกเขากมลาดังกล่าว และให้ละเอียดการเข้าใช้พื้นที่ ที่ใช้ประกอบการ โดยเช่าที่ดินจากผู้ถือครองเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 โดยจ่ายค่าเช่าเดือนละ 120,000 บาท และยินดีที่จะรื้อถอนถ้าไม่ถูกต้อง

ขณะที่ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้  กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างเครื่องเล่นซิปไลน์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ว่า สืบเนื่องจากมีการใช้ประโยชน์จากธุรกิจซิปไลน์ในหลายพื้นที่ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ ไม่ว่าจะเป็นที่ จ.เชียงใหม่ ระยอง ที่ภูเก็ตก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ทราบมาว่ามีการก่อสร้างเครื่องเล่นซิปไลน์ ซึ่งได้รับข้อมูลในเบื้องต้นว่า ประชาชนผู้เป็นเจ้าของเครื่องเล่นดังกล่าว ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตรงส่วนนี้ทางกรมป่าไม้จะต้องตรวจสอบและดำเนินคดีต่อไป

“กรณีรายนี้ อ้างว่ามี ส.ค.1 ซึ่งออกมาตั้งแต่ปี 96 มีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่เศษ แต่จากการตรวจสอบพบว่าเข้าทำประโยชน์ มีพื้นที่กว่า 30 ไร่ ก็จะต้องตรวจสอบต่อไป เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจากข้อมูลในการรายงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้  ส่วนเรื่องของเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้ ทราบว่า รายนี้เคยมีการขอออกเอกสารสิทธิ์ แต่ขั้นตอนการออกเอกสารสิทธิ์ โดยเฉพาะในเรื่องของกระบวนการทางกฎกระทรวงฉบับที่ 43 จะต้องมีการลงนามรับรองของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรณีนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการลงนาม จึงมีความสงสัยและอยู่ระหว่างให้คณะกรรมการป้องกันการบุกรุกของจังหวัดตรวจสอบเพื่อแปรภาพถ่ายทางอากาศอีกครั้ง

นายชลธิศ กล่าวต่อไป โดยข้อเท็จจริงในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ การเข้าใช้ประโยชน์ใดๆ ต้องขออนุญาต เพราะฉะนั้นถ้าใครเข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐ แต่ไม่มีการขออนุญาตก็จะเป็นความผิดทุกฐาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตัดถนน หรือสิ่งก่อสร้างใดๆ กรณีของซิปไลน์ แม้ว่าจะไม่มีการตัดต้นไม้ แต่เป็นการเข้าไปใช้ประโยชน์ ที่แสวงหาผลประโยชน์โดยส่วนตน ก็ต้องมีการตรวจสอบเพื่อดำเนินคดี ซึ่งทางกรมป่าไม้จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป

 

ในส่วนของการดำเนินคดี ก็จะมีทั้งในความผิดทางแพ่งและอาญา อ้างว่ามีการเช่าต่อมาอีกทีหนึ่ง ซึ่งมีหลักฐานการเช่ามาจากที่ดินที่มี ส.ค. 1 ทางกรมป่าไม้ก็ต้องคุยกับทางกรมที่ดินอีกครั้งว่า ส.ค.1 ที่ออกจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ขั้นตอนแรกต้องตรวจสอบก่อนว่าเอกสารสิทธิ์ออกโดยชอบหรือไม่ ถ้าออกโดยมิชอบ ก็ต้องไปดูต่อไปว่าเมื่อออกโดยมิชอบ ยังมีการให้เช่าต่อไป เป็นเรื่องของเจตนาหรือไม่เจตนาก็คงจะต้องตรวจสอบในชั้นรายละเอียดต่อไป ขณะที่ผู้เช่ามีเจตนาที่รู้เห็นเป็นใจกับเจ้าของเอกสารสิทธิ์หรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบวนก็จะมีการพิจารณาในรายละเอียดต่อไป

อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ฝากถึงผู้ประกอบการโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจเครื่องเล่นซิปไลน์ ซึ่งวันนี้มีการแพร่กระจายไปในหลายที่ เราตรวจสอบแล้ว พบว่าบางแห่งมีความน่าเชื่อได้ว่าเอกสารสิทธิ์อาจจะไม่ชอบ หรืออาจจะมีเอกสารสิทธิ์บางส่วนและอาจมีการใช้ประโยชน์เอกสารสิทธิ์  ดังนั้นขอ ฝากเตือนผู้ประกอบการก่อนจะดำเนินการขอให้มีการตรวจสอบก่อน เพราะจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมจะให้การสนับสนุน สามารถที่จะติดต่อทางเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กรมที่ดิน หรือกรมปกครอง ได้ว่า เอกสารเหล่านี้มีความน่าชื่อถือมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะลงทุนดำเนินธุรกิจ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถที่จะตรวจสอบสืบค้นข้อมูลได้เพื่อให้แน่ใจว่าที่ดินเหล่านี้มีความเป็นมาอย่างไร